อนาคตที่ไร้มลภาวะ

ความสะดวกสบายที่ยั่งยืน

บีเอ็มดับเบิลยู i เพื่อความก้าวหน้าอย่างความยั่งยืน มากกว่าแค่การมองการณ์ไกล คือ การสร้างยนตกรรมที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ทำให้คำถามเกิดขึ้นมากมาย แต่คำตอบที่ดีที่สุดคือ การคงสิ่งเป็นอยู่ในปัจจุบัน ให้คงอยู่ตลอดไป

แนวทางแห่งความคิดและปณิธาน ในการพัฒนาของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป คือ การก้าวไปข้างหน้าเพื่อความยั่งยืน ที่ทำให้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปประสบความสำเร็จ ได้เป็นผู้นำองค์กรด้านการบริหารจัดการเพื่อความยั่งยืนสูงสุดในตลาดหุ้นดาวโจนส์ 8 ปีซ้อน และเป็นบริษัทที่ประกอบกิจการด้านธุรกิจยานยนต์ที่สร้างความยั่งยืนสูงสุดเช่นกัน ด้วยแนวคิด BMW EfficientDynamics บีเอ็มดับเบิลยู จึงมุ่งมั่นสร้างสรรเทคโนโลยีเพื่อลดการทำลายสิ่งแวดล้อม แต่เพิ่มความสุนทรียในการการขับขี่ ตลอดจนบีเอ็มดับเบิลยู i ที่นำพาความสำเร็จของแนวคิด BMW EfficientDynamics มุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อออกแบบและผลิต การเดินทางไลฟ์สไตล์ทันสมัย กับทุกรายละเอียดที่รองรับทุกความต้องการ ความสะดวกสบาย และตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนของอนาคต ที่พร้อมให้คุณสัมผัสได้วันนี้

อ่านเพิ่มเติม

การพัฒนา

พร้อมทั้งการพัฒนาที่ก้าวไปอีกขั้น กับนวัตกรรม LifeDrive การออกแบบโครงสร้าง ภายในห้องโดยสารด้วยวัสดุคาร์บอน และใช้วัสดุ อลูมิเนียม ในส่วนของ Drive Module เพื่อลดน้ำหนักของตัวรถ และเพิ่มพื้นที่ให้กว้างขวางมากขึ้น

  • ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า LifeDrive
  • หลักอากาศพลศาสตร์
  • วัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้

การผลิต

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้ขึ้นสู่ลำดับต้นๆของตลาดหุ้นดาวโจนส์ทุกปี ตั้งแต่ปี 2005 ในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ได้รับความน่าเชื่อถือสูงสุด และไม่หยุดนิ่งแค่เป็นผู้นำ แต่ยังพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อสิ่งใหม่ ฐานการผลิตคาร์บอนไฟเบอร์ถูกสร้างขึ้นที่ Mosses Lake สหรัฐอเมริกา ด้วยความสามารถในการผลิตด้วยไฟฟ้าจากเขื่อน Grand Coulee แหล่งผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก พร้อมไฟฟ้าพลังลมจากกังหันลมขนาดใหญ่ เพื่อใช้ในโรงงานที่ติดตั้งในโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู i ใน Leipzig จึงลดการใช้พลังงานในการประกอบรถยนต์ได้มากกว่าครึ่ง และลดการใช้ทรัพยากรน้ำได้ถึง 70%*

*เมื่อเปรียบเทียบกับมาตรฐานการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู

การใช้งาน

เพื่อให้รถยนต์ไฟฟ้าเหล่านี้มีความคล่องตัวปราดเปรียวและมีประสิทธิภาพโดดเด่น ระบบหล่อเย็นอัจฉริยะจะรักษาอุณหภูมิแบตเตอรี่ให้อยู่ที่อุณหภูมิการทำงานตลอดเวลา ผู้ขับขี่บีเอ็มดับเบิลยู i สามารถใช้งานโหมดที่ช่วยประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้นได้โดยการกดปุ่มเพียงปุ่มเดียว ซึ่งช่วยให้เดินทางได้ไกลขึ้นอีกประมาณ 30% หรือเกือบ 200 กม.*
ความยั่งยืนอย่างมั่นคงในที่นี้หมายถึงไม่เพียงแต่การปล่อยมลภาวะ CO2 จากรถยนต์เท่านั้นที่ลดลง แต่ยังรวมถึงการปล่อยมลภาวะในกระบวนการผลิตรถยนต์ และในขณะที่ให้กำเนิดพลังงานไฟฟ้าด้วย ซึ่งลดปริมาณการปล่อยมลภาวะเป็นอย่างมากหรือเกือบจะไม่มีเลย นี่คือเหตุผลที่บีเอ็มดับเบิลยู i ร่วมงานกับพันธมิตรที่มีแนวคิดเรื่องความยั่งยืนเช่นกันไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตพลังงานทดแทน เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทดแทนที่เข้าถึงผู้ขับขี่บีเอ็มดับเบิลยู i ได้ง่าย
*ข้อมูลภายในจากการศึกษาอัตราการสิ้นเปลืองของบีเอ็มดับเบิลยู ระยะทางที่สามารถขับขี่ต่อไปได้จะขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พฤติกรรมการขับขี่ส่วนบุคคล เส้นทางที่เลือกใช้ สภาพอากาศ การใช้งานระบบปรับอากาศร้อน / เย็น และสภาวะต่างๆ ก่อนออกเดินทาง

รีไซเคิล

การนำชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกกลับมาใช้ใหม่มีได้หลากหลายวิธี อาทิเช่น แบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนประสิทธิภาพสูงที่ติดตั้งในบีเอ็มดับเบิลยู i หลังจากการใช้งาน จะถูกนำมาใช้เก็บสำรองพลังงานไฟฟ้าจากระบบพลังงานแสงอาทิตย์ หรือกำลังลมเป็นต้นบีเอ็มดับเบิยู i ยังเป็นผู้ริเริ่มการผลิตคาร์บอนไฟเบอร์และระบบการรีไซเคิล ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้ใส่ใจกับทุกรายละเอียดของทุกชิ้นส่วนที่เหลือจากการผลิตคาร์บอน และ การผลิตชิ้นส่วนของรถที่ทำจากคาร์บอน เพื่อนำกลับมาใช้ประโยชน์ในส่วนต่างๆต่อไป

ความยั่งยืนที่พิสูจน์ได้

ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่สามารถกำหนดเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามต้องการสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ตลอดช่วงอายุการใช้งานทั้งหมดของรถได้ตั้งแต่ช่วงต้นของการกำหนดยุทธศาสตร์ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ได้รับการพิจารณารวมเบ็ดเสร็จอยู่ในห่วงโซ่แห่งคุณค่าซึ่งรวมถึงการจัดหา การผลิต การใช้งาน และการรีไซเคิลในภายหลัง
เพื่อประเมินความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้อย่างชัดเจน จึงได้มีการประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระหว่างการพัฒนาบีเอ็มดับเบิลยู i3 ไว้ทั้งหมด และผลกระทบนี้ยืนยันได้ว่ากระบวนการพัฒนาบีเอ็มดับเบิลยู i3 ทั้งหมดเป็นต้นแบบแห่งความสำเร็จ

  • ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
  • โครงสร้างน้ำหนักเบาล้ำสมัย
  • วัฏจักรการผลิตที่ยั่งยืน
  • การใช้งานพลังงานไฟฟ้าทดแทน
  • รับรองโดย ISO 14040/14044