BMW i5 M60 xDrive: อัตราการใช้พลังงานแบบผสมตามเกณฑ์ WLTP (กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม)[1]: 20.6 - 18.2; ระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าตามเกณฑ์ WLTP (กม)[2]: 455 - 516
ความพิเศษของรถยนต์ไฟฟ้า
มอเตอร์ไฟฟ้ามีความโดดเด่นที่อัตราเร่งรวดเร็ว
ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าจะสามารถส่งกำลังออกมาได้รวดเร็วกว่าเครื่องยนต์สันดาป โดยสามารถส่งกำลังเต็มที่ได้ทันทีที่ต้องการ
แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้าทำหน้าที่เป็นเสมือนกับถังน้ำมันเชื้อเพลิง
ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแทนการเผาน้ำมันเชื้อเพลิง รถยนต์ไฟฟ้าไม่มีถังน้ำมันเบนซินหรือดีเซล แต่จะมีแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งได้รับการป้องกันเป็นอย่างดีในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งยังมีระบบชาร์จ
ระบบเบรกรีเจนเนอเรทีฟจะนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ทุกครั้งที่เบรก
รถยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าจะมีระบบเบรกรีเจนเนอเรทีฟ สำหรับนำพลังงานจากการเบรกกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งต่างจากระบบเบรกทั่วไป โดยกระบวนการนี้เรียกว่า การนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่
แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า BMW เรื่องน่ารู้
ความจุ กำลังการชาร์จ หรือน้ำหนัก แบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้ามีคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องหลายคำ ภาพรวมโดยย่อ
อายุการใช้งานที่ยาวนานเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีความคุ้มค่าในตัวเอง
แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญที่สุดของ BMW ไม่ต่างจากเครื่องยนต์สันดาป ปัจจัยอย่างหนึ่งที่เป็นตัวกำหนดราคาของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าคือความจุ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ยิ่งแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเก็บพลังงานได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งมีราคาสูงขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้รถยนต์สามารถยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าได้ โดยการปรับพฤติกรรมการขับขี่ของตน ฟังก์ชั่นที่ช่วยปกป้องแบตเตอรี่
วิธีที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า
แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าผ่านการออกแบบอย่างละเอียด อย่างไรก็ตาม ระยะขับขี่และประสิทธิภาพการชาร์จจะลดลงเรื่อยๆ ตามอายุการใช้งาน เนื่องจากแบตเตอรี่จะเสื่อมสภาพตามอายุเป็นปกติ คุณลักษณะนี้เรียกว่า ระดับการเก็บประจุไฟฟ้า (State of Health หรือ SoH) คำนี้หมายถึงความจุพลังงานสูงสุดของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ผ่านการใช้งานแล้วเมื่อเปรียบเทียบกับแบตเตอรี่ใหม่ ถ้า SoH น้อยลง หมายถึงรถยนต์ไฟฟ้าจะมีระยะขับขี่สั้นลง แต่คุณสามารถยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้หากทำการบำรุงรักษาอย่างถูกต้องและปรับพฤติกรรมการขับขี่ให้เหมาะสม
คำแนะนำในการยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า
แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าเก็บพลังงานระดับสูงไว้ได้อย่างไร
แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าถูกออกแบบมาสำหรับการขับขี่ประจำวันทั่วไปทุกรูปแบบ โดยจะมีการเสื่อมอายุทางกายภาพตามการใช้งาน รูปแบบหนึ่งของการเสื่อมอายุคือ การเสื่อมอายุตามเวลา โดยจะนับเป็นปี การป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่มีระดับประจุไฟฟ้าสูงและไม่สัมผัสโดนอุณหภูมิสูงอย่างต่อเนื่องขณะจอดรถยนต์เอาไว้ จะช่วยแบตเตอรี่มีการเสื่อมอายุตามเวลาช้าลง อีกรูปแบบหนึ่งของการเสื่อมอายุเป็นผลมาจากจำนวนรอบการชาร์จและคายประจุ การเสื่อมอายุลักษณะนี้เรียกว่า การเสื่อมอายุตามรอบการชาร์จ ซึ่งสามารถทำให้ช้าลงได้ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การขับขี่โดยคาดการณ์สถานการณ์เบื้องหน้าและการชาร์จด้วยกำลังไฟปานกลาง เป็นต้น
การทดสอบระยะยาวโดยใช้
ตัวอย่างจาก BMW i3
ความทนทานของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า BMW ผ่านการพิสูจน์แล้วด้วยรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของเราอย่าง BMW i3 โดยเราได้ทำการสังเกตกระบวนการเสื่อมอายุของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามาตั้งแต่ปี 2013 รวมถึงก่อนหน้านั้นในระหว่างการพัฒนารถยนต์ BMW i3 เราได้ทำการวิเคราะห์กระบวนการเสื่อมอายุ โดยจำลองลักษณะการขับขี่และการทดสอบการชาร์จในรูปแบบต่างๆ
หลักปฏิบัติสำหรับรถยนต์ BMW รุ่นใหม่
รถยนต์ BMW i3 รุ่นแรกๆ ใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กมากเมื่อเปรียบเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นปัจจุบัน แต่ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและแบตเตอรี่ยุคใหม่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น รถยนต์ไฟฟ้า BMW รุ่นใหม่ๆ จึงสามารถป้องกันการเสื่อมอายุของแบตเตอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม รถยนต์แต่ละคันมีปัจจัยที่ส่งผลต่อการเสื่อมอายุแตกต่างกันออกไป จึงไม่สามารถให้ข้อมูลเป็นภาพรวมเกี่ยวกับกระบวนการเสื่อมอายุของรถยนต์แต่ละคันได้
โครงสร้างของมอเตอร์ไฟฟ้า อธิบายแบบง่ายๆ
การทำงานของระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า
มอเตอร์ไฟฟ้าทำหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้าเป็นการเคลื่อนที่ โดยมอเตอร์จะประกอบด้วยชิ้นส่วนสำคัญสองชิ้นด้วยกัน ได้แก่ โรเตอร์และสเตเตอร์ โดยโรเตอร์นั้นเป็นส่วนที่หมุนของมอเตอร์ การหมุนของโรเตอร์เป็นผลมาจากปฏิกิริยาต่อสนามแม่เหล็กระหว่างโรเตอร์และสเตเตอร์ สนามแม่เหล็กของโรเตอร์เกิดขึ้นจากแม่เหล็กหรือกระแสไฟฟ้า ขึ้นอยู่กับประเภทของมอเตอร์ มอเตอร์ไฟฟ้าจะส่งต่อการหมุนนี้ไปยังล้อรถยนต์ผ่านทางระบบเกียร์ 1 จังหวะ ถ้าเปรียบเทียบโดยใช้รอบการขับ (WLTP) จะเห็นได้ว่า มอเตอร์ไฟฟ้านั้นมีประสิทธิภาพสูงกว่าเครื่องยนต์สันดาปเกินสามเท่า รถยนต์ไฟฟ้า BMW ส่วนใหญ่ใช้มอเตอร์ซิงโครนัสแบบกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้า (Current-Excited Synchronous Motor หรือ CESM) ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงมาก
ข้อดีของมอเตอร์ซิงโครนัสแบบกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้า (CESM)
BMW มีจุดเด่นสำคัญอยู่ที่การนำมอเตอร์ CESM มาใช้กับรถหลายรุ่น มอเตอร์ CESM แตกต่างจากมอเตอร์ประเภทอื่นๆ เนื่องจากไม่ต้องใช้ “แร่หายาก” กับโรเตอร์ และเมื่อเปรียบเทียบกับมอเตอร์ชนิดอื่นๆ แล้ว มอเตอร์ CESM ให้ประสิทธิภาพด้านกำลังดีกว่าและยังให้อัตราเร่งที่ดีขณะใช้ความเร็วสูง ซึ่งมีประโยชน์สำหรับการขับแซงบนทางด่วน มอเตอร์ CESM ยังมีอัตราสิ้นเปลืองต่ำด้วยเช่นกัน เนื่องจากโรเตอร์ของมอเตอร์ CESM ใช้กระแสไฟฟ้าในการกำเนิดสนามแม่เหล็ก ทำให้สามารถปรับการทำงานได้ตามสถานการณ์ว่าต้องการความประหยัดหรือต้องการกำลัง
ข้อดีของมอเตอร์ซิงโครนัสแบบกระตุ้นด้วยแม่เหล็กถาวร (PMSM)
มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ PMSM มีความหนาแน่นของกำลังสูง โดยถ้าเปรียบเทียบกับมอเตอร์ประเภทอื่นที่มีขนาดเท่าๆ กัน มอเตอร์ PMSM จะสามารถสร้างกำลังได้ค่อนข้างสูง ในทางเทคนิคนั้น มอเตอร์ PMSM แตกต่างจากมอเตอร์ CESM โดยกำเนิดสนามแม่เหล็กในโรเตอร์ผ่านทางแม่เหล็กถาวร ดังนั้น มอเตอร์ PMSM จึงเหมาะสำหรับใช้งานร่วมกับระบบเกียร์ของรถยนต์ไฟฟ้าแบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ M-PHEV (BMW XM)
วิศวกรรมที่ง่ายและลงตัว ง่ายสำหรับการขับขี่
รถยนต์ไฟฟ้า BMW สามารถเร่งความเร็วได้โดยตรงจากกำลังของมอเตอร์ โดยไม่ต้องใช้คลัตช์และไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ มอเตอร์ไฟฟ้ายังสามารถเรียกกำลังตามที่ต้องการได้ทันที ซึ่งต่างจากเครื่องยนต์สันดาป รวมทั้งยังให้แรงบิดสูงและเกือบคงที่ในช่วงความเร็วต่ำ ในขณะเดียวกัน ที่ช่วงความเร็วสูง มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถเรียกกำลังเต็มที่ได้ตลอดเวลา และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเกียร์เพื่อเปลี่ยนความเร็วรถยนต์ ซึ่งแตกต่างจากเครื่องยนต์สันดาปทั่วไป
การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า BMW ประสบการณ์ที่แตกต่าง
รถยนต์ไฟฟ้า BMW ขับขี่ได้เงียบเป็นพิเศษ แต่ยังคงประสบการณ์ที่คุณคุ้นเคย ทุกครั้งที่เหยียบคันเร่ง รถยนต์จะเรียกกำลังได้เต็มที่ทันทีและปรับอัตราเร่งได้ดีเยี่ยม และคุณจะรู้สึกได้ถึงความแม่นยำที่เท้าขณะเบรก นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้ายังมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ เนื่องจากมีแบตเตอรี่ติดตั้งอยู่ใต้ท้องรถ ทำให้รถยนต์ไฟฟ้า BMW เกาะถนนได้ดีเยี่ยม
ทำไมรถยนต์ไฟฟ้าถึงเรียกอัตราเร่งได้รวดเร็ว
ระบบเกียร์ 1 จังหวะทำให้รถยนต์ไฟฟ้า BMW สามารถเรียกอัตราเร่งได้ทันทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ พร้อมทั้งเรียกแรงบิดได้ทันทีที่เหยียบคันเร่ง และเมื่อปล่อยเท้าออกจากคันเร่ง รถยนต์ไฟฟ้า BMW จะชะลอความเร็วลงทันที ขึ้นอยู่กับความต้องการและการตั้งค่าการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ที่คุณเลือกไว้
เบรกอัจฉริยะพร้อมระบบนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ของ BMW
ระบบเบรกของรถยนต์ไฟฟ้า BMW จะวิเคราะห์สถานการณ์การเบรกเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และช่วยให้ระบบนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ของมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพ และในกรณีที่จำเป็น ระบบเบรกแบบปกติจะเข้ามาทำงานร่วมด้วยเช่นกัน การทำงานร่วมกันของระบบอัจฉริยะนี้ช่วยให้นำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ได้สูงสุด ลดภาระของเบรก และลดเศษฝุ่นเนื่องจากการเบรก
การเปรียบเทียบราคาของรถยนต์ไฟฟ้า
BMW i5 eDrive40 M Sport: อัตราการใช้พลังงานแบบผสมตามเกณฑ์ WLTP (กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม)[1]: 18.9 - 15.9; ระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าตามเกณฑ์ WLTP (กม)[2]: 497 - 582
BMW i5 M60 xDrive: อัตราการใช้พลังงานแบบผสมตามเกณฑ์ WLTP (กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม)[1]: 20.6 - 18.2; ระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าตามเกณฑ์ WLTP (กม)[2]: 455 - 516
BMW i7 xDrive60 M Sport: อัตราการใช้พลังงานแบบผสมตามเกณฑ์ WLTP (กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม)[1]: 19.6 - 18.4; ระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าตามเกณฑ์ WLTP (กม)[2]: 590 - 625
BMW iX3 M Sport (Inspiring): อัตราการใช้พลังงานแบบผสมตามเกณฑ์ WLTP (กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม)[1]: 19.5 - 18.5; ระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าตามเกณฑ์ WLTP (กม)[2]: 460
BMW iX2 xDrive30 M Sport: อัตราการใช้พลังงานแบบผสมตามเกณฑ์ WLTP (กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม)[1]: 17.7 - 16.3; ระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าตามเกณฑ์ WLTP (กม)[2]: 417 - 449
BMW iX2 xDrive30 M Sport: อัตราการใช้พลังงานแบบผสมตามเกณฑ์ WLTP (กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม)[1]: 17.7 - 16.3; ระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าตามเกณฑ์ WLTP (กม)[2]: 417 - 449
คำถามและคำตอบเกี่ยวกับแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า
ข้อมูลเพิ่มเติม
ระยะทางที่สามารถขับขี่ได้ด้วยไฟฟ้า
รถยนต์ไฟฟ้า BMW มีระยะขับขี่ที่รองรับการเดินทางระยะไกลได้อย่างสบาย พร้อมด้วยระบบวางแผนเส้นทางที่คอยแจ้งจุดที่คุณสามารถชาร์จรถยนต์ของคุณได้ระหว่างการเดินทาง
การชาร์จไฟฟ้าที่บ้าน
ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าหรือรถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริดข้ามคืนหรือระหว่างทาง เริ่มต้นวันให้พร้อมเดินทางได้ทันที รวมทั้งปรับรูปแบบการชาร์จของรถยนต์ไฟฟ้า BMW ให้เหมาะกับชีวิตประจำวันของคุณ
ความสิ้นเปลืองพลังงานและการปล่อย CO2
BMW i5 eDrive40 M Sport: อัตราการใช้พลังงานแบบผสมตามเกณฑ์ WLTP (กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม)[1]: 18.9 - 15.9; ระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าตามเกณฑ์ WLTP (กม)[2]: 497 - 582
BMW i5 M60 xDrive: อัตราการใช้พลังงานแบบผสมตามเกณฑ์ WLTP (กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม)[1]: 20.6 - 18.2; ระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าตามเกณฑ์ WLTP (กม)[2]: 455 - 516
BMW i7 xDrive60 M Sport: อัตราการใช้พลังงานแบบผสมตามเกณฑ์ WLTP (กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม)[1]: 19.6 - 18.4; ระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าตามเกณฑ์ WLTP (กม)[2]: 590 - 625
BMW iX3 M Sport (Inspiring): อัตราการใช้พลังงานแบบผสมตามเกณฑ์ WLTP (กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม)[1]: 19.5 - 18.5; ระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าตามเกณฑ์ WLTP (กม)[2]: 460
BMW iX2 xDrive30 M Sport: อัตราการใช้พลังงานแบบผสมตามเกณฑ์ WLTP (กิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม)[1]: 17.7 - 16.3; ระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าตามเกณฑ์ WLTP (กม)[2]: 417 - 449
[1] ข้อมูลอย่างเป็นทางการของอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง การปล่อย CO2 อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้า และระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าเป็นค่าที่คำนวณโดยใช้กระบวนการวัดตามที่กำหนดและเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ (EC) 715/2007 ฉบับที่เกี่ยวข้อง ในกรณีวัดระยะทางการขับขี่ ข้อมูลที่ระบุตาม WLTP มีการนำอุปกรณ์เสริมมาพิจารณาด้วย (ในกรณีนี้คืออุปกรณ์เสริมเฉพาะที่มีในตลาดประเทศเยอรมนี) สำหรับรถยนต์ที่เพิ่งได้รับการรับรองประเภทตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2021 เป็นต้นไป ข้อมูลอย่างเป็นทางการจะระบุตาม WLTP เท่านั้น นอกจากนี้ ใบรับรองมาตรฐานจะไม่ระบุค่า NEDC ณ วันที่ 1 มกราคม 2023 ตามระเบียบข้อบังคับ EU Regulation 2022/195 ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการวัดค่า NEDC และ WLTP ได้ที่ www.bmw.de/wltp
ตัวเลขอย่างเป็นทางการของอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง การปล่อย CO2 อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้า และระยะขับขี่ด้วยไฟฟ้าเป็นค่าที่คำนวณตาม Eco sticker ของประเทศไทย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.car.go.th/
ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและค่าการปล่อย CO2 อย่างเป็นทางการของรถยนต์โดยสารส่วนบุคคลรุ่นใหม่แต่ละรุ่นได้จากเอกสาร "คำแนะนำเกี่ยวกับอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง การปล่อย CO2 และอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าสำหรับรถยนต์โดยสารส่วนบุคคลรุ่นใหม่" ซึ่งสามารถขอได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ณ สถานที่จำหน่ายทุกแห่ง หรือขอได้จาก Deutsche Automobil Treuhand GmbH (DAT), Hellmuth-Hirth-Str. 1, 73760 Ostfildern-Scharnhausen, Germany รวมถึงสามารถดูได้ที่เว็บไซต์ https://www.dat.de/co2/
[2] ระยะขับขี่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยต่อไปนี้: ลักษณะการขับขี่เฉพาะบุคคล ลักษณะของเส้นทาง อุณหภูมิภายนอก การใช้งานระบบทำความร้อน/ระบบปรับอากาศในขณะขับขี่และก่อนออกเดินทาง
[3] ประสิทธิภาพการชาร์จขึ้นอยู่กับสถานะการชาร์จ อุณหภูมิแวดล้อม รูปแบบการขับขี่ส่วนบุคคล และการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเสริม ช่วงระยะการขับขี่ที่แสดงอ้างอิงจากสถานการณ์ที่ดีที่สุดตาม WLTP เวลาในการชาร์จใช้กับอุณหภูมิแวดล้อม 23 องศาเซลเซียสหลังจากการขับขี่ที่ผ่านมา และอาจแตกต่างกันตามลักษณะการใช้งาน
[4] ระยะขับขี่ในหน่วย กม หลังจากการชาร์จกำลังไฟสูง (HPC) เป็นเวลา 10 นาที คำนวณตามเกณฑ์ DIN70080 ในรอบการทดสอบ WLTP โดยขึ้นอยู่กับอุปกรณ์รถยนต์ ลักษระการขับขี่ของแต่ละบุคคล อุณหภูมิแวดล้อม สถานะของการชาร์จ และการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ภายในรถยนต์