เครื่องมือจัดการการอนุญาตของคุณให้ใช้คุกกี้ของเรากำลังออฟไลน์ชั่วคราว การทำงานบางอย่างที่ต้องใช้คำยินยอมให้ใช้คุกกี้อาจหายไป
ภาพรวมของรถยนต์ BMW M ซีรีส์.
ความสมบูรณ์แบบทางเทคนิคที่ผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสมรรถนะแบบสปอร์ตสุดเร้าใจจะทำให้หัวใจคุณเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม รถยนต์ BMW M คือรถสปอร์ตสายพันธุ์แท้ ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Saloon, Coupé หรือ SUV เทคโนโลยีสำหรับรถแข่งอย่างระบบกันสะเทือน M sports หรือเครื่องยนต์ และการปรับจูนรถตามแบบฉบับสไตล์ M จะทำให้รถสุดสปอร์ตเร้าใจเหล่านี้เป็นที่สุดแห่งสมรรถนะและความหรูหรา











BMW XM
BMW X4 M
BMW M2 Coupé
BMW X3 M50 xDrive
BMW M3 Competition Sedan
BMW M3 Competition Touring
BMW 4 Series Coupé M Models
BMW Z4 M40i Roadster
BMW i5 M60 xDrive
BMW M5 Sedan
BMW i4 M50

ภาพรวมความเป็นมาของรถยนต์ BMW M ซีรีส์
ความหลงใหลในรถแข่ง ความหรูหราเหนือระดับ และความสมบูรณ์แบบ – ร่วมเดินทางผ่านหน้าประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบ 50 ปีของยนตรกรรม BMW M! เราจะพาคุณไปสัมผัสกับรถยนต์รุ่นต่างๆ ตั้งแต่ BMW M1 และ M3 ในตำนานไปจนถึง BMW M8 รุ่นปัจจุบัน ค้นพบสมรรถนะที่เหนือชั้นและตัวเลือกสำหรับแต่งรถยนต์ในแบบฉบับของคุณ ด้วยแพ็คเกจ BMW Individual และชิ้นส่วน BMW M Performance.
ภาพรวมความเป็นมาของรถยนต์ BMW M ซีรีส์
ความหลงใหลในรถแข่ง ความหรูหราเหนือระดับ และความสมบูรณ์แบบ – ร่วมเดินทางผ่านหน้าประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบ 50 ปีของยนตรกรรม BMW M! เราจะพาคุณไปสัมผัสกับรถยนต์รุ่นต่างๆ ตั้งแต่ BMW M1 และ M3 ในตำนานไปจนถึง BMW M8 รุ่นปัจจุบัน ค้นพบสมรรถนะที่เหนือชั้นและตัวเลือกสำหรับแต่งรถยนต์ในแบบฉบับของคุณ ด้วยแพ็คเกจ BMW Individual และชิ้นส่วน BMW M Performance.
รถยนต์ BMW M1 (E26).

ด้วยรูปทรงลู่ลมที่โดดเด่นเหนือกาลเวลาทำให้ยนตรกรรมรุ่นแรกที่พัฒนาขึ้นโดย BMW Motorsport GmbH ในช่วงปลายปี 70 รุ่นนี้ได้เสียงชื่นชมและการตอบรับอย่างท่วมท้น รถรุ่นนี้พัฒนาขึ้นโดย Giorgio Giugiaro นักออกแบบชื่อเสียงระดับตำนาน โดยใช้พื้นฐานรูปทรงจาก BMW Turbo ปี 1972 ที่เป็นรถต้นแบบจากฝีมือของ Paul Bracq ซึ่งออกแบบรถยนต์ให้กับ BMW มาอย่างยาวนาน กระจังหน้าไตคู่ทรงแคบ ไฟหน้าแบบพับได้ และเส้นลายที่โดดเด่นชัดเจน ผสานรวมความงดงามและความปราดเปรียวเป็นหนึ่งเดียวกัน นอกจากรูปโฉมแล้ว ความแรงของรถรุ่นนี้ก็เป็นตำนานด้วยเช่นกัน: โดยครองแชมป์รถยนต์รุ่นผลิตจริงที่ทำความเร็วได้สูงที่สุดในเยอรมนีมาจนถึงปี 1983 รถยนต์ซูเปอร์สปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางลำรุ่นนี้ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 260 กม./ชม. จนกลายเป็นบรรทัดฐานของรถยนต์ตระกูล M สำหรับขับบนท้องถนน.
ตั้งแต่ปี 1979 ถึง 1981 มีการผลิตขึ้นเพียง 460 คันเท่านั้น โดยทุกคันผลิตด้วยมือ ผู้ที่โชคดีมีโอกาสได้ขับ BMW M1 ต่างพูดถึงคุณลักษณะการขับขี่ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยความสามารถในการเลี้ยวที่คล่องแคล่วปราดเปรียว พร้อมด้วยเครื่องยนต์ความจุ 3.5 ลิตรที่จูนมาเพื่อทำความเร็วโดยเฉพาะ.
ช่วงปีที่มีการผลิต: 1978 – 1981
เครื่องยนต์: 3.5 ลิตร (204 กิโลวัตต์, 277 แรงม้า), 6 สูบ
ยาว/กว้าง/สูง: 4,359 มม. / 1,824 มม. / 1,138 มม
รถยนต์ BMW 1 M COUPÉ (E82).

แม้ว่า BMW 1 จะเป็นที่ชื่นชอบของผู้ขับขี่ที่หลงใหลในความสปอร์ต และประสิทธิภาพการบังคับเลี้ยวที่เหนือชั้นของรถยนต์คอมแพ็คมาตั้งแต่ปี 2004 แต่รถยนต์ BMW 1 M Coupé ก็เพิ่งเปิดตัวให้จับจองเป็นเจ้าของเมื่อปี 2011 รถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมกับเทอร์โบชาร์จเจอร์สองตัว เพิ่มความแรงให้กับเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียงเป็น 340 แรงม้า (250 กิโลวัตต์) ด้วยระยะช่วงล้อหน้า-หลังที่สั้นและฐานล้อกว้างกว่า BMW 1 รุ่นทั่วไป จึงให้ขับขี่ได้อย่างปราดเปรียวเหนือชั้น รถยนต์รุ่นนี้ถูกผลิตขึ้นมากกว่า 6,300 คันจนถึงปี 2012 สามปีต่อมารถยนต์ BMW M2 ก็เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล M โดยยังคงคอนเซปต์การผสมผสานรถยนต์คอมแพ็คเข้ากับคุณสมบัติของรถสปอร์ตชั้นเลิศไว้ดังเดิม.
ช่วงปีที่มีการผลิต: 2011 – 2012
เครื่องยนต์: 3.0 ลิตร (250 กิโลวัตต์, 277 แรงม้า), 6 สูบ
ยาว/กว้าง/สูง: 4,380 มม. / 1,803 มม. / 1,420 มม
รถยนต์ BMW M2 (F87).

นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา รถยนต์ BMW M2 ก็เข้ามาสืบทอดตำนานของ BMW 1 M Coupé และสานต่อความยอดเยี่ยมของรถยนต์แบบคอมแพ็คที่ทั้งแรงและปราดเปรียวซึ่ง BMW 2002 Turbo และ BMW M3 (E30) ได้สร้างไว้.
รถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมกับรูปโฉมที่โดดเด่นและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ซึ่งตอกย้ำให้เห็นชัดด้วยปีกในกันชนหน้าที่แผ่กว้างและช่องรับอากาศขนาดใหญ่ เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 6 สูบให้แรงบิดและกำลังขับที่น่าประทับใจ ส่งความแรงไปยังพื้นถนนด้วยเกียร์คลัตช์คู่ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริม ในปี 2018 รถยนต์ BMW M2 Competition ที่มีกำลังเอาต์พุตเพิ่มขึ้นอีก 30 กิโลวัตต์ (40 แรงม้า) ก็เข้ามาแทนที่ด้วยความแรงที่ไม่มีใครแซงได้ นอกจากรถยนต์ BMW M2 CS (Club Sport) เท่านั้น รถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์กำลัง 331 กิโลวัตต์ (450 แรงม้า) และผลิตออกมาเพียง 2,200 คันเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นรุ่นย่อยรุ่นไหน ก็มั่นใจได้ในการบังคับเลี้ยวที่เฉียบคม การควบคุมที่แม่นยำ และขับขี่ได้อย่างเพลิดเพลินด้วยแชสซีสไตล์ M.
ช่วงปีที่มีการผลิต BMW M2: 2015 – 2018, M2 Competition: 2018 – 2020, M2 CS: 2020
เครื่องยนต์: 3.0 ลิตร (272 – 331 กิโลวัตต์, 370 – 450 แรงม้า) 6 สูบ
ยาว/กว้าง/สูง: 4,461 – 4,468 มม. / 1,854 – 1,871 มม. / 1,410 – 1,414 มม
รถยนต์ BMW M3 (E30/2S, E30/2SC, E36/2S, E36/2CS, E36/4S, E46/2S, E46/2CS, E90/92/93, F80, G80, G81, G80 CS)

แรกเริ่มเดิมทีรถยนต์ BMW M3 (E30/2S, E30/2SC) ได้รับการออกแบบมาให้เป็นรถแข่งที่ขับขี่บนท้องถนนทั่วไปได้ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม จนรถยนต์ที่ได้มาตรฐานรถแข่ง Group A รุ่นนี้จำหน่ายได้มากกว่า 5,000 คัน ตัวรถมีรูปโฉมที่มองปราดเดียวก็สัมผัสได้ถึงความปราดเปรียวเหนือชั้น ตั้งแต่กันชนหน้าที่แผ่กว้าง ครีบสปอยเลอร์หลังที่เป็นเอกลักษณ์ ไปจนถึงเสา C ดีไซน์ใหม่ เครื่องยนต์กลไกก็ให้มาแบบจัดเต็มพร้อมลุยสนามแข่ง: ดิสก์เบรกแบบมีร่องระบายความร้อนภายใน ระบบเกียร์แบบสปอร์ตที่เกียร์หนึ่งอยู่ด้านล่างซ้าย และเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบความจุ 2.3 ลิตรให้กำลัง 200 แรงม้า (143 กิโลวัตต์).
นอกจากรุ่นสำหรับสนามแข่งจะกำชัยชนะมาได้นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว รถยนต์ BMW M3 ยังมียอดขายที่สูงกว่าที่คาดไว้แบบถล่มทลาย: โดยจำหน่ายได้มากกว่า 18,000 คัน ซึ่งนับรวมรุ่นเปิดประทุนด้วย นอกจากนี้ยังรวมถึงรุ่น Evolution ที่เพิ่มความแรงเป็น 220 แรงม้า (154 กิโลวัตต์) และ BMW M3 Sport Evolution ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ความจุ 2.5 ลิตรให้กำลัง 238 แรงม้า (166 กิโลวัตต์) อีกด้วย.
แล้วในปี 1992 เราก็ได้ยลโฉมของ BMW M3 (E36) ใหม่ที่เป็นผู้สืบทอดตำนานความสำเร็จนี้ รถยนต์รุ่นใหม่นี้ดูโตเต็มตัวขึ้นอย่างชัดเจน รูปโฉมภายนอกเปลี่ยนแปลงไปจากรุ่นเดิมเพียงเล็กน้อย เช่น กระจกมองข้าง M ที่ได้รับการเสริมประสิทธิภาพด้านแอโรไดนามิกส์ แต่ภายใต้ฝากระโปรงรถมีการเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย: รถรุ่นนี้เปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียงเอาต์พุต 286 แรงม้า (210 กิโลวัตต์) พร้อมโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์แบบแปรผัน (ระบบ VANOS) ซึ่งให้อัตราเร่งที่แรงกระชากใจ รุ่นหลังจากปี 1995 ได้รับการปรับปรุงให้เครื่องยนต์มีความจุเพิ่มขึ้นอีก 200 ตร.ซม. ซึ่งแรงขึ้นเป็น 321 แรงม้า (236 กิโลวัตต์).
ในช่วงเปลี่ยนสหัสวรรษก็มีการเปิดตัวรุ่นที่ 3 ของตระกูล ได้แก่ BMW M3 (E46) และอีกหนึ่งปีให้หลังได้เปิดตัว BMW M3 Convertible ตามกันออกมา โดยยังคงสืบสานแนวคิดพื้นฐานในการออกแบบรถยนต์ BMW M3 ไว้ดังเดิม ด้วยการทำให้รถมีน้ำหนักเบาที่สุดและมีความปราดเปรียวมากที่สุด ผู้ขับขี่จะสัมผัสได้ถึงความเป็นสายพันธุ์ตระกูล M อย่างชัดเจนด้วยเอาต์พุตที่สูงถึง 343 แรงม้า (252 กิโลวัตต์) รูปโฉมภายนอกของรุ่น Coupé และ Convertible จะแตกต่างไปจากรุ่นมาตรฐานด้วยมุมแคมเบอร์ที่กว้างขึ้น มีตะแกรงที่กันชนหน้า และฝากระโปรงหน้าทรงเพาเวอร์โดม.
รถยนต์ BMW M3s ซึ่งผลิตในช่วงปี 2007 ถึง 2013 มาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่หลายส่วน และมีทรงตัวรถให้เลือก 3 แบบเช่นเดียวกับรถรุ่นทั่วไป: Sedan (E90), Coupé (E92) และ Convertible (E93) นับเป็นครั้งแรกที่ BMW M3 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 ตัวเครื่องยนต์มีความจุ 4 ลิตรให้กำลังถึง 420 แรงม้า (309 กิโลวัตต์) จูนรอบมาสูงถึง 8,300 รอบต่อนาที จึงเป็นเครื่องยนต์ผลิตจำหน่ายจริงที่ทำความเร็วได้สูงที่สุดของ BMW! เมื่อติดตั้งแพ็คเกจเสริม M Driver สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 280 กม./ชม.
หลังจากปี 2014 รถยนต์ BMW M3 รุ่นที่ 5 (F80) ก็กลับมาใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบแถวเรียงอีกครั้ง และเป็นครั้งแรกที่ BMW M3 มาพร้อมกับเทอร์โบชาร์จเจอร์ เครื่องยนต์รุ่นนี้ให้แรงบิดสูงสุดได้ตั้งแต่ที่ 1,850 รอบต่อนาที จึงเร่งความเร็วได้สุดแรงในทุกสถานการณ์ ในรุ่นนี้มีทรงตัวรถให้เลือกเพียงรุ่นเดียวคือ BMW M3 Sedan เอาต์พุต 432 แรงม้า (317 กิโลวัตต์) ส่วนรุ่นข้างเคียงกันในทรง Coupé และ Convertible จะใช้ชื่อ BMW M4 ส่วนขยายกันชน กระจกมองข้างสไตล์ M และหลังคาคาร์บอน M สีดำ.
ประกาศให้ทุกคนได้เห็นถึงสมรรถนะการบังคับเลี้ยวที่แม่นยำและปราดเปรียวเหนือใครของรถยนต์รุ่นนี้ ในปี 2016 ก็มีการเปิดตัว BMW M3 Competition ซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์เอาต์พุต 450 แรงม้า (331 กิโลวัตต์) และติดตั้งแชสซี Adaptive M มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน.
ปี 2018 มีการผลิตรถยนต์ BMW M3 CS ขึ้นเป็นช่วงสั้นๆ เพียงแค่สามเดือน โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์ที่แรงขึ้นอีก 10 แรงม้าเป็น 460 แรงม้า (338 กิโลวัตต์).
รถยนต์ BMW M3 (G80) เข้าสู่โชว์รูมตั้งแต่ปี 2021 โดยมีรูปโฉมที่โดดเด่นสะดุดตากว่ารถซีดานทั่วไปด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ตั้งสูงขนาดใหญ่ รถรุ่นนี้ยังคงสืบทอดความสปอร์ต ปราดเปรียว และความสะดวกในการใช้งานประจำวันของ BMW M3 รุ่นก่อนหน้าไว้ได้ดังเดิม ยนตรกรรมสปอร์ตซีดานรุ่นนี้มาพร้อมกับเกียร์ธรรมดา 6 สปีดและเครื่องยนต์ 480 แรงม้า (353 กิโลวัตต์) นอกจากนี้ยังมี BMW M3 Competition ที่กำลังสูงถึง 510 แรงม้า (375 กิโลวัตต์) ให้เลือกเป็นเจ้าของอีกด้วย ซึ่งในรุ่นนี้จะเสริมความแรงด้วยระบบเกียร์ M Steptronic 8 สปีดพร้อม Drivelogic ที่ช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างฉับไวเพื่อให้ขับขี่ได้ปราดเปรียวเต็มพิกัด และแชสซีสไตล์ M ที่ปรับแต่งมาอย่างละเอียด.
รถยนต์ BMW M3 Competition Touring (G81) เปิดตัวในปี 2022 นี่เป็นรถยนต์ M3 ในรูปทรงแบบ Touring รุ่นแรกที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน M xDrive จึงรวมเอาสมรรถนะที่เหนือชั้นของ BMW M3 กับความอเนกประสงค์ของรถทรง Touring เข้าไว้ในรถคันเดียวกัน.
ด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์เบนซิน M TwinPower Turbo 6 สูบแถวเรียงสมรรถนะสูงที่ให้กำลังสูงถึง 375 กิโลวัตต์ (510 แรงม้า) และระบบเกียร์ M Steptronic 8 สปีดพร้อม Drivelogic จึงทำให้รถยนต์ BMW M3 Competition Touring มอบอิสรภาพแห่งความเร้าใจผ่านการควบคุมที่เฉียบคมเหนือชั้นและการเปลี่ยนเกียร์ที่ฉับไว ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอกที่มีขนาดใหญ่และมีฐานล้อกว้างกว่ารถทั่วไปนั้นโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ขนาดใหญ่ จึงทำให้รถรุ่นนี้ดูแข็งแกร่งบึกบึนขึ้นอีกหลายขุม
เป็นอีกครั้งที่สมาชิกใหม่ล่าสุดในตระกูลซีรีส์ M3 สะท้อนคุณลักษณะของรถสปอร์ตที่ผสานจิตวิญญาณแห่งดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวกับความโดดเด่นเหนือใครไว้ได้อย่างลงตัว
และในปี 2023 รถยนต์ BMW M3 CS (G80) รุ่นใหม่ พร้อมแล้วที่จะมาสร้างความประทับใจด้วยความคล่องแคล่วปราดเปรียวอย่างเหนือชั้นจากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive และระบบเกียร์ M Steptronic 8 สปีดพร้อม Drivelogic ชิ้นส่วนพลาสติกเสริมแรงด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) และโครงสร้างน้ำหนักเบาอัจฉริยะช่วยลดน้ำหนักตัวรถได้ประมาณ 20 กก. เมื่อเทียบกับรถยนต์ BMW M3 Competition ที่มาพร้อมระบบ M xDrive เมื่อผสานรวมกับพละกำลัง 405 กิโลวัตต์ (550 แรงม้า) รถยนต์ BMW M3 CS ยังพร้อมอวดสมรรถนะแรงทะลุพิกัดที่จะให้คุณได้สัมผัสความเร็วของจริงบนสนามแข่งรถ ไฟเลเซอร์ BMW พร้อมไอคอนสีเหลืองและองค์ประกอบงานดีไซน์ฉพาะของรุ่น CS ทั้งภายนอกและภายในยังตอกย้ำถึงอัตลักษณ์ความสปอร์ตของรุ่นพิเศษนี้ได้อย่างเต็มๆ ตา
ช่วงการผลิตรถยนต์ BMW M3: 1986 – ปัจจุบัน
เครื่องยนต์: 2.3 – 3.0 ลิตร (143 – 405 กิโลวัตต์, 200 – 550 แรงม้า), 4, 6 และ 8 สูบ
ความยาว/ความกว้าง/ความสูง: 4,346 – 4,795 มม. / 1,680 – 1,918 มม. / 1,370 – 1,444 มม.
รถยนต์ BMW M4 (F82, F83, G82).

รถยนต์ BMW ซีรีส์ 4 แม้จะเข้ามาแทนที่รถยนต์ซีรีส์ 3 Coupé แต่ก็มีความแตกต่างอย่างชัดเจน ดีไซน์ตัวรถเห็นได้ชัดเจนว่าออกแบบใหม่ทั้งหมด แตกต่างจาก BMW ซีรีส์ 3 อย่างสิ้นเชิงด้วยห้องโดยสารที่โค้งเว้าเข้ามาจากตัวถัง ฝากระโปรงหน้าที่ยาวขึ้น และหน้ารถยื่นจากฐานล้อสั้นลง ทั้งหมดนี้ทำให้ตัวรถมีรูปทรงที่สะดุดตาและดูทรงพลังยิ่งกว่าเดิม รวมไปถึงรถยนต์ BMW M4 Coupé กับ M4 Coupé Competition (2016 – 2020) ที่ให้เอาต์พุต 450 แรงม้า (331 กิโลวัตต์) และรถยนต์ M4 Coupé CS ปี 2017 และ 2018 ที่มีเอาต์พุต 460 แรงม้า (338 กิโลวัตต์) ในขณะเดียวกันรถยนต์ M4 ยังมีรุ่นย่อย GTS Coupé (2017 – 2018) ซึ่งให้กำลังสูงถึง 500 แรงม้า (368 กิโลวัตต์) และมีรุ่นย่อย M4 Convertible กับ M4 Competition Convertible ให้สำหรับผู้ขับขี่ที่อยากเปิดประทุนรับลม โดยทุกรุ่นมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบความจุ 3.0 ลิตรและเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบ Twin Scroll.
รถยนต์ M4 รุ่นที่สองซึ่งตัวรถยาวและกว้างขึ้นจากเดิม เพิ่มความโดดเด่นสะกดสายตาด้วยกระจังหน้าทรงไตคู่ที่ตั้งสูงและเอียงมาทางด้านหน้า ขุมพลังความแรงของ BMW M4 มาจากเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบความจุ 3.0 ลิตรให้เอาต์พุต 480 แรงม้า (เกียร์ธรรมดา) และ 510 แรงม้า (เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด) (353 และ 375 กิโลวัตต์ตามลำดับ) เมื่อติดตั้งแพ็คเกจเสริม M Driver ก็จะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 290 กม./ชม. รถยนต์รุ่นนี้ตอกย้ำความคล่องแคล่วปราดเปรียวให้ประจักษ์ชัดแก่ทุกสายตา ด้วยดีไซน์สุดเร้าใจที่ลงลึกในทุกรายละเอียด.
ช่วงปีที่มีการผลิต BMW M4: 2014 – ปัจจุบัน
เครื่องยนต์: 3.0 ลิตร (317 – 375 กิโลวัตต์, 431 – 510 แรงม้า) 6 สูบ
ยาว/กว้าง/สูง: 4,671 – 4,794 มม. / 1,870 – 1,887 มม. / 1,383 – 1,394 มม
รถยนต์ BMW M5 (E28S, E34S, E34/5S, E39S, E60, E61, F10, F90).

รูปลักษณ์ของ BMW M5 (E28S) รุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 1985 อาจดูไม่ต่างจากรถซีดานทั่วไปสักเท่าไร แต่รถยนต์ที่ประกอบด้วยมือรุ่นนี้มาพร้อมกับเครื่องยนต์ของ BMW M1 รุ่นปรับปรุงใหม่ จึงทำความเร็วได้สูงกว่า 250 กม./ชม. ด้วยยอดการผลิตที่สูงกว่า 2,200 คัน ยนตรกรรมรุ่นนี้จึงกลายมาเป็นรากฐานสำคัญของหนึ่งในรถยนต์สปอร์ตซีดานรุ่นท็อปที่ประสบความสำเร็จที่สุดเท่าที่เคยมีมา.
รถยนต์ BMW ซีรีส์ 5 รุ่นใหม่ที่เปิดตัวในปี 1988 ก็มาพร้อมกับรุ่น M5 (E34S) ใหม่ด้วย ในช่วงเปิดตัว รถยนต์ M รุ่นนี้มีกำลังเอาต์พุต 315 แรงม้า (232 กิโลวัตต์) ก่อนได้รับการปรับปรุงเครื่องยนต์ใหม่ในปี 1992 รุ่นปรับปรุงใหม่นี้มีกำลัง 340 แรงม้า (250 กิโลวัตต์) จากเครื่องยนต์ความจุ 3.8 ลิตร ซึ่งจำหน่ายเป็นรุ่นพิเศษจำนวนจำกัด มีการผลิตไม่ถึง 900 คัน และยังมีรุ่นย่อย M5 Touring ให้เลือกอีกด้วย ด้วยประสบการณ์การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบและการบังคับเลี้ยวที่แม่นยำเหนือชั้น ทำให้รถยนต์ M5 รับมือกับทุกสถานการณ์ได้อย่างมั่นใจและเปี่ยมสมรรถนะ.
ตลอดช่วงปี 1998 จนถึง 2003 รถยนต์ BMW M5 (E39S) ครองตำแหน่งจ้าวแห่งไฮเวย์ด้วยเครื่องยนต์ 8 สูบความจุ 5 ลิตร ที่ให้ได้กำลังสูงถึง 400 แรงม้า (294 กิโลวัตต์) ซึ่งในตอนนั้น เป็นภาพตัวอย่างของรถยนต์สปอร์ตซีดานที่สมบูรณ์แบบ ใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบาย แต่มาพร้อมกับความแรงและความปราดเปรียวชนิดที่วัดกับรถสปอร์ตได้แทบทุกรุ่น.
รุ่นถัดมาของรถยนต์ตระกูลนี้ (E60) เข้าสู่โชว์รูมในปี 2005 ก่อนจะตามมาด้วยรุ่น Touring version (E61) ในปี 2007 ซึ่งเป็นรถยนต์ M5 รุ่นสุดท้ายที่มีตัวถังทรงนี้ ด้วยขุมพลังการขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์ 10 สูบที่ให้กำลังถึง 507 แรงม้า จึงสามารถทำความเร็วได้ถึง 305 กม./ชม. เมื่อติดตั้งแพ็คเกจเสริม M Driver.
ในปี 2011 ทาง BMW M GmbH เสริมความแรงให้กับรถยนต์ M5 (F10) ด้วยเครื่องยนต์ Twin Turbo เป็นครั้งแรก กำลังเครื่องยนต์ที่สูงถึง 560 แรงม้า (412 กิโลวัตต์) ทำให้รถรุ่นนี้กลายเป็นรถยนต์ BMW ที่แรงที่สุดในเวลานั้น สองปีต่อมา ได้มีการเปิดตัวรถยนต์ M5 Competition รุ่นแรก ซึ่งสมรรถนะสูงขึ้นเล็กน้อยเป็น 575 แรงม้า (423 กิโลวัตต์) และในปี 2014 ก็เปิดตัว “รถยนต์ M5 รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี” รุ่นพิเศษเครื่องยนต์ 8 สูบ ซึ่งปรับปรุงใหม่จนมีกำลังสูงถึง 600 แรงม้า (441 กิโลวัตต์) มาพร้อมกับความแรงเหนือใคร ด้วยแรงบิดสูงสุดที่อยู่ในช่วงรอบความเร็ว 1,500 ถึง 5,750 รอบต่อนาที จึงเร่งความเร็วได้กระชากใจในทุกสถานการณ์.
รถยนต์ BMW M5 (F90) รุ่นปัจจุบันที่เปิดตัวเมื่อปี 2017 ก็ยังคงสไตล์ประจำตัวของรุ่นไว้ได้ดังเดิม พร้อมทั้งเสริมความสปอร์ตเร้าใจในแบบฉบับรถตระกูล M กับความหรูหราสะดวกสบายของ BMW ซีรีส์ 5 Sedan เข้าไว้ด้วยกัน ด้วยเครื่องยนต์ที่โดดเด่นของรถยนต์ M5 รุ่นก่อนหน้า ผสานเข้ากับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive ใหม่ และระบบเกียร์ M Steptronic 8 สปีด รถรุ่นนี้จึงมีอัตราเร่งที่ทรงพลังและขับขี่ปราดเปรียวได้อย่างเหนือชั้นตามแบบฉบับของรถยนต์จาก BMW M GmbH แล้วยังมีรุ่นที่แรงกว่าตามมาในปี 2018 ซึ่งก็คือ BMW M5 Competition ที่มีกำลังสูงขึ้นอีก 25 แรงม้า โลดแล่นไปบนท้องถนนด้วยสมรรถนะ 625 แรงม้า (460 กิโลวัตต์) นอกจากนี้ยังมีรถยนต์ BMW M5 CS (Competition Sport) ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียงแค่หนึ่งปี ซึ่งสามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ใน 3.0 วินาทีด้วยขุมพลัง 635 แรงม้า (467 กิโลวัตต์) รถยนต์สปอร์ตซีดานสุดแรงรุ่นนี้ลดน้ำหนักตัวรถลงด้วยชิ้นส่วนคาร์บอน และสามารถปลดล็อคระบบอิเล็กทรอนิกส์ให้ทำความเร็วสูงถึง 305 กม./ชม. ได้หากลูกค้าต้องการ.
ช่วงปีที่มีการผลิต BMW M5: 1985 – 1995, 1998 – 2003, 2005 – ปัจจุบัน
เครื่องยนต์: 3.5 – 5.0 ลิตร (302 กิโลวัตต์, 410 แรงม้า) 6, 8 และ 10 สูบ
ยาว/กว้าง/สูง: 4,620 – 4,966 มม. / 1,700 – 1,903 มม. / 1,400 – 1,512 มม
รถยนต์ BMW M6 (E63, E64, F06, F12, F13).

รถยนต์ BMW M635CSi ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของรถตระกูล M6 ถูกผลิตให้จับจองเป็นเจ้าของในปี 1984 ด้วยขุมพลังขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์ของ BMW M1 รุ่นปรับปรุงใหม่ที่ให้เอาต์พุต 286 แรงม้า (210 กิโลวัตต์) ทำให้รถ Coupé ซึ่งออกแบบโดย Paul Bracq ครองตำแหน่งรถสปอร์ตที่เร็วที่สุดในยุคนั้น.
ในปี 2005 เมื่อสิ้นสุดยุคของ BMW 8 (E31) ทาง BMW ได้นำรถยนต์ Coupé คลาสหรูกลับสู่ท้องตลาดอีกครั้ง ด้วยการออกแบบภายใต้การนำทีมของ Chris Bangle รถยนต์รุ่นนี้จึงมีครบทุกคุณสมบัติของดีไซน์ Coupé ตระกูล M : ทั้งเครื่องยนต์ 10 สูบทรงพลังที่ให้เอาต์พุตถึง 507 แรงม้า (373 กิโลวัตต์) ดีไซน์ตัวรถที่โดดเด่นและมาดมั่น พร้อมด้วยระบบกันสะเทือนแบบปรับได้ที่ไม่เพียงแค่เพิ่มความสบายเท่านั้น แต่ยังช่วยให้บังคับเลี้ยวได้แม่นยำและปราดเปรียวด้วย ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้มีให้ครบทั้งในรุ่นหลังคาแบบเปิด-ปิดไม่ได้และรุ่นเปิดประทุน.
รถยนต์ผู้สืบทอดรุ่นถัดมาได้รับการเปิดตัวในปี 2012 เครื่องยนต์มีลูกสูบน้อยลงสองสูบ แต่กำลังสูงขึ้นอย่างชัดเจน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน Twin Turbo V8 เอาต์พุต 560 แรงม้า (412 กิโลวัตต์) และ 575 แรงม้า (423 กิโลวัตต์) ในรุ่น M6 Competition เครื่องยนต์ของรุ่น Competition Coupé ได้รับการปรับปรุงใหม่ในช่วงกลางปี 2015 จนทำให้พุ่งทะยานไปบนไฮเวย์ได้ด้วยกำลังถึง 600 แรงม้า (441 กิโลวัตต์) พร้อมด้วยเกียร์คลัตช์คู่ 7 สปีด เมื่อติดตั้งแพ็คเกจเสริม M Driver รถยนต์ BMW M6 ก็จะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 305 กม./ชม. ไม่ว่าจะเป็นรุ่นย่อย Coupé, Convertible หรือ Gran Coupé ที่เปิดตัวในปี 2013 ก็แรงเหนือชั้นในระดับเดียวกัน.
ช่วงปีที่มีการผลิต BMW M6: 2005 – 2018
เครื่องยนต์: 4.4 – 5.0 ลิตร (373 – 441 กิโลวัตต์, 507 – 600 แรงม้า) 8 และ 10 สูบ
ยาว/กว้าง/สูง: 4,871 – 4,898 มม. / 1,855 – 1,899 มม. / 1,372 – 1,377 มม
รถยนต์ BMW M8 COMPETITION (F91, F92, F93).

รถยนต์ M8 Coupé โลดแล่นอยู่บนท้องถนนมาเกือบ 30 ปีแล้ว วิศวกรของ BMW ได้พัฒนา BMW M8 รุ่นต้นแบบขึ้นโดยใช้เครื่องยนต์ V 12 สูบของรถ E31 Coupé เป็นพื้นฐานในช่วงต้นยุค 1990.
แต่เราต้องรอจนถึงปี 2019 จึงจะได้สัมผัส BMW M8 Competition Coupé (F92), Convertible (F91) และ Gran Coupé (F93) ในโชว์รูม ขุมพลังจากเทอร์โบชาร์จเจอร์ขนานสองตัวกับเครื่องยนต์ 8 สูบ ให้เอาต์พุตสูงถึง 625 แรงม้า (460 กิโลวัตต์) ซึ่งเมื่อติดตั้งแพ็คเกจเสริม M Driver ทำความเร็วได้สูงกว่า 300 กม./ชม.
แม้ในขณะจอดอยู่ก็เห็นได้ชัดว่ารถยนต์ BMW M8 ผสานรวมความสปอร์ตกับความหรูหราเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ลายเส้นบนตัวรถสะกดสายตา สร้างรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียวและหรูหราเหนือระดับไปพร้อมกัน รายละเอียดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าโครเมียมสีดำหรือฝาครอบกระจกมองข้างสีดำเงา ต่างขับเน้นความสปอร์ตของรถรุ่นนี้ให้โดดเด่นสะดุดตา: ก่อนตอกย้ำให้เต็มตาด้วยหลังคาคาร์บอนที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีแชสซี Adaptive M ที่ปรับการทำงานตามสภาพการขับขี่ปัจจุบันได้ พร้อมทั้งรองรับการติดตั้ง BMW M xDrive จึงสามารถโลดแล่นปราดเปรียวได้อย่างไร้คู่เปรียบ ไม่ว่าจะเป็นรุ่นย่อย Coupé, Convertible หรือ Gran Coupé สี่ประตูก็มีความเหนือชั้นรอบด้านไม่แพ้กัน.
ช่วงปีที่มีการผลิต BMW M8 Competition: 2019 – ปัจจุบัน
เครื่องยนต์: 4.4 ลิตร (460 กิโลวัตต์, 625 แรงม้า), 8 สูบ
ยาว/กว้าง/สูง: 4,867 – 5,098 มม. / 1,907 – 1,948 มม. / 1,353 – 1,420 มม
รถยนต์ BMW X3 M COMPETITION (F97).

รถยนต์รุ่น M ของ BMW X3 เปิดตัวครั้งแรกในปี 1993 ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน TwinTurbo 6 สูบที่ทรงพลังและเปี่ยมไปด้วยสมรรถนะ รถยนต์รุ่นนี้จึงเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4 วินาที และหลังจากปรับปรุงใหม่ก็ทำได้ด้วยเวลาเพียง 3.8 วินาทีเท่านั้น ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive พร้อมด้วยดิฟเฟอเรนเชียล Active M ช่วยให้เรียกความแรง 480 แรงม้า (353 kW) อย่างเต็มที่ได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ประสานความเป็นรถยนต์ตระกูล X เข้ากับตระกูล M ได้อย่างน่าประทับใจ รถยนต์รุ่น BMW X3 M Competition ที่มาพร้อมกับเอาต์พุต 510 แรงม้า (375 กิโลวัตต์) ก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน.
รูปโฉมของ BMW X3 M ประกาศให้เห็นชัดถึงความแรงสุดเร้าใจ ด้วยเส้นขอบข้างรถที่ทอดยาวจากส่วนหน้ารถที่เปี่ยมไปด้วยความมาดมั่นมาจรดกับส่วนท้ายรถที่โดดเด่นสะดุดตา กระจังหน้าทรงไตคู่สีดำเงาและโลโก้ M ที่ด้านข้างกระจังพร้อมโครงสร้างสามมิติ ประกาศให้เห็นถึงเทคโนโลยีคุณภาพสูงที่รออยู่ภายใน: ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งสปอร์ต M ซึ่งให้การรองรับในแนวด้านข้างได้อย่างยอดเยี่ยม หรือคิ้วตกแต่งภายใน M แบบคาร์บอน รถยนต์รุ่นนี้จึงพร้อมโลดแล่นสะกดสายตาไปได้ในทุกสภาพพื้นที่.
ช่วงปีที่มีการผลิต BMW X3 M: 2019 – ปัจจุบัน
เครื่องยนต์: 3.0 ลิตร (353 – 375 กิโลวัตต์, 480 – 510 แรงม้า) 6 สูบ
ยาว/กว้าง/สูง: 4,726 มม. / 1,897 มม. / 1,669 มม
รถยนต์ BMW X4 M (F98).

รถยนต์รุ่น M ของ BMW X4 เปิดตัวครั้งแรกพร้อมกับ X4 รุ่นที่สองในปี 2019 มาพร้อมกับรูปลักษณ์ความสปอร์ตหรูหราที่โดดเด่นและลงตัวแม้กระทั่งในรุ่นพื้นฐาน: และเมื่อติดตั้งชิ้นส่วนคาร์บอนเฉพาะรุ่นจากแพ็คเกจสำหรับตกแต่งภายนอก M Carbon (เลิกจำหน่ายหลังจากมีการปรับโฉมใหม่ โดยจำหน่ายเป็นชิ้นส่วนคาร์บอนไฟเบอร์แยกชิ้นกันแทน) ซึ่งมีให้ตั้งแต่กรอบช่องลมเข้าบริเวณกันชนไปจนถึงฝาครอบกระจกมองข้าง จะเน้นย้ำบุคลิกความสปอร์ตของรถลูกผสม SUV/Coupé รุ่นนี้ให้สะดุดสายตาขึ้นมาอีกขั้น โดยรถยนต์รุ่นนี้มีคุณสมบัติทางเทคนิคและใช้เครื่องยนต์รุ่นเดียวกันกับรถยนต์ BMW X3 M: รถยนต์ BMW X4 M มาพร้อมขุมพลัง 480 แรงม้า (353 กิโลวัตต์) โดยในรุ่น X4 M Competition มีเอาต์พุตที่สูงถึง 510 แรงม้า (375 กิโลวัตต์) และในรุ่นปรับปรุงใหม่ก็ให้แรงบิดมหาศาลถึง 650 นิวตันเมตร ซึ่งเมื่อติดตั้งแพ็คเกจเสริม M Driver ก็จะทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 280 และ 285 กม./ชม. ตามลำดับ BMW X4 M จึงเป็นยานยนต์ที่ผสานรวมสมรรถนะที่เหนือชั้นเข้ากับความหรูหราไว้ภายใต้รูปโฉมที่สะดุดสายตาได้อย่างเหนือชั้น.
ช่วงปีที่มีการผลิต BMW X4 M: 2019 – ปัจจุบัน
เครื่องยนต์: 3.0 ลิตร (353 – 375 กิโลวัตต์, 480 – 510 แรงม้า) 6 สูบ
ยาว/กว้าง/สูง: 4,758 มม. / 1,927 มม. / 1,618 มม
รถยนต์ BMW X5 M (E70, F85, F95).

รถสปอร์ต SUV คันแรกของ BMW รุ่นที่สองได้รับการออกแบบใหม่ในปี 2009 โดย BMW M GmbH จนกลายมาเป็น BMW X5 M (E70) รุ่นแรก ขุมพลังขับเคลื่อนมาจากเทอร์โบชาร์จเจอร์สองตัวและเครื่องยนต์เบนซิน 8 สูบ V ความจุ 4.4 ลิตร ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์สำหรับตระกูล M ที่ถูกนำมาใช้บ่อยที่สุด ให้เอาต์พุตได้สูงถึง 555 แรงม้า (408 กิโลวัตต์) และรถยนต์รุ่นนี้พร้อมด้วยรุ่น X6 M คือรถยนต์ BMW M รุ่นแรกที่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive ดีไซน์ของตัวรถมาในสไตล์เรียบหรูและขับขี่ได้คล่องแคล่วปราดเปรียว ตามแบบฉบับรถยนต์ตระกูล M
คุณสมบัติเหล่านี้ตกทอดมาสู่รุ่นถัดไป (F85) ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Twin Turbo ความจุ 4.4 ที่สามารถพุ่งทะยานบนไฮเวย์ด้วยกำลัง 575 แรงม้าพร้อมระบบเกียร์ M 8 สปีดรุ่นใหม่ รถยนต์ BMW X5 รุ่นที่สามนี้ เหนือระดับขึ้นอีกชั้นด้วยการพัฒนาสมรรถนะด้านแอโรไดนามิกส์ เสริมทัพด้วยชิ้นส่วนสไตล์ M เช่นที่บริเวณช่องลมเข้า.
รถยนต์ BMW X5 M รุ่นถัดไป (F95) ผสานรวมความเป็นรถตระกูล M และตระกูล X เข้าไว้ด้วยกันได้อย่างเหนือชั้น ทั้งในด้านสมรรถนะและการขับขี่ที่ปราดเปรียว ไปจนถึงห้องโดยสารภายในที่ทั้งหรูหราและสะดวกสบาย ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังจากเครื่องยนต์เบนซินทวินเทอร์โบชาร์จ 8 สูบ ให้เอาต์พุต 600 แรงม้า (441 กิโลวัตต์) ในรถยนต์ BMW X5 M และ 625 แรงม้า (460 กิโลวัตต์) ในรถยนต์ BMW X5 M Competition เมื่อติดตั้งแพ็คเกจเสริม M Driver รถยนต์ SUV รุ่นนี้สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 290 กม./ชม.
ช่วงปีที่มีการผลิต BMW X5 M: 2009 – 2013, 2015 – ปัจจุบัน
เครื่องยนต์: 4.4 ลิตร (408 – 460 กิโลวัตต์, 555 – 625 แรงม้า) 8 สูบ
ยาว/กว้าง/สูง: 4,854 – 4,938 มม. / 1,933 – 2,013 มม. / 1,739 – 1,747 มม
รถยนต์ BMW X6 M (E71, F86, F96).

ในปี 2008 รถยนต์ BMW X6 (E71) สร้างเสียงฮือฮาด้วยความเป็นรถยนต์ลูกผสม Coupé/SUV รุ่นแรกของ BMW ในปีต่อมาเราก็เผยโฉม BMW X6 ตระกูล M ที่ดึงดูดใจผู้ที่ต้องการรถที่รวมสมรรถนะของรถยนต์สองประเภทเข้าไว้ด้วยกัน: ทั้งอรรถประโยชน์จาก SUV และสไตล์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว ซึ่งก็คือการผสานรวมความดุดันทรงพลังเข้ากับความปราดเปรียวเหนือชั้น การทำงานร่วมกันของระบบขับเคลื่อน M xDrive กับเครื่องยนต์เบนซิน TwinTurbo M 8 สูบความจุ 4.4 (555 แรงม้า/408 กิโลวัตต์) ทำให้รถยนต์ SUV รุ่นนี้ขับขี่โฉบเฉี่ยวปราดเปรียวได้อย่างเหนือชั้นในทุกสภาพพื้นที่.
ในปี 2015 รถยนต์ X6 M รุ่นที่สอง (F86) พร้อมโลดแล่นไปบนท้องถนน ด้วยเครื่องยนต์ Twin Turbo ความจุ 4.4 ลิตรจากรถยนต์ M5 และ X5 M ที่ทุกคนคุ้นเคย ซึ่งให้เอาต์พุตสูงถึง 575 แรงม้า (423 กิโลวัตต์) เมื่อติดตั้งแพ็คเกจเสริม M Driver รถยนต์ที่ผสานรูปทรงสไตล์ Coupé เข้ากับช่องรับอากาศขนาดใหญ่รุ่นนี้ทำความเร็วได้ถึง 280 กม./ชม.
ในปี 2019 มีการเปิดตัวรุ่นใหม่ออกมาอีกรุ่น ได้แก่ X6 M Competition (F96) ซึ่งรถยนต์รุ่นนี้แรงพุ่งทะยานบนไฮเวย์อย่างเร้าใจด้วยกำลัง 625 แรงม้า (460 กิโลวัตต์) จากระบบขับเคลื่อน xDrive พร้อมดิฟเฟอเรนเชียล Active M ผสานเข้ากับข้อดีของระบบขับเคลื่อนล้อหลังและขับเคลื่อนสี่ล้อ เสริมรูปลักษณ์ให้โดดเด่นกระชากสายตาขึ้นไปอีกขั้น ด้วยองค์ประกอบที่มีเฉพาะในรถตระกูล M เช่น ตะแกรงด้านหน้าสีดำหรือซี่กระจังสไตล์ M ที่มาพร้อมกับโลโก้ M BMW X6 M คือยนตรกรรมที่หลอมรวมความหรูหราเหนือระดับกับความงามสง่าและความสปอร์ตสุดเร้าใจเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างน่าอัศจรรย์!.
ช่วงปีที่มีการผลิต BMW X6 M: 2009 – ปัจจุบัน
เครื่องยนต์: 4.4 ลิตร (408 – 460 กิโลวัตต์, 555 – 625 แรงม้า) 8 สูบ
ยาว/กว้าง/สูง: 4,876 – 4,948 มม. / 1,983 – 2,019 มม. / 1,684 – 1,697 มม
รถยนต์ BMW Z3 M (E36/7, E36/8).

เมื่อปี 1995 ทาง BMW ได้เปิดตัวรถยนต์ Roadster สุดเร้าใจในชื่อรุ่น Z3 ซึ่งมีพื้นฐานมาจากรถยนต์ BMW 3 Compact (E36) หลังเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์จาก BMW M3 (E36) ในปี 1997 ก็ทำให้รถยนต์รุ่นนี้มีสมรรถนะที่เหนือชั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความปราดเปรียว ทิ้งคู่แข่งที่กำลังเครื่องแรงกว่าไปอย่างไม่เห็นฝุ่นเมื่อโฉบเฉี่ยวไปบนเส้นทางที่คดเคี้ยวไปมา หลังจากนั้นหนึ่งปีก็มีการเปิดตัวรถยนต์ M รุ่นหลังคาแบบเปิด-ปิดไม่ได้ตามมา ตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา BMW ก็เสริมความแรงให้กับทั้งรุ่น Coupé และ Roadster ด้วยเครื่องยนต์ที่สืบทอดมาจากรถยนต์ M3 (E46) ปราดเปรียวขึ้นไปอีกขั้นโดยยังคงความแรงไว้ไม่แตกต่างจากเดิมด้วยการจูนเครื่องยนต์แบบเน้นรอบจัด.
ช่วงปีที่มีการผลิต BMW Z3 M: 1997 – 2002
เครื่องยนต์: 3.2 ลิตร (236 – 239 กิโลวัตต์, 321 – 325 แรงม้า) 6 สูบ
ยาว/กว้าง/สูง: 4,025 มม. / 1,740 มม. / 1,279 มม
รถยนต์ BMW Z4 M (E85, E86, G29).

ผู้สืบทอดตำนานของรถยนต์ Z3 Roadster และ Coupé รุ่นนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและยกระดับความสะดวกสบายขึ้นอีกขั้น เราจึงเลือกเปลี่ยนชื่อรุ่นเป็น Z4 หลังจากปรับดีไซน์ใหม่ในปี 2006 ยนตรกรรมที่ออกแบบโดย Chris Bangle นี้ก็มีรุ่น Z4 M ออกมา โดยใช้เครื่องยนต์จากรถยนต์ BMW M3 (E46) ซึ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีกำลังถึง 343 แรงม้า (252 กิโลวัตต์) โดยเปิดตัวรุ่น Roadster (E85) และ Coupé (E86) ออกมาด้วยพร้อมกัน.
แม้ BMW จะไม่ได้ออกรุ่น M ให้กับรถรุ่น E89 แต่ก็ออกรถยนต์ G29 มาในชื่อรุ่น M40i แทน ด้วยช่วงหน้ารถที่กว้างแบนราบและฝากระโปรงหน้าที่ยาวจึงยังคงคอนเซปต์ความเป็นรถ Roadster ไว้ได้ดังเดิม ก่อนเสริมด้วยองค์ประกอบที่ดูทรงพลังซึ่งมาพร้อมกับประสบการณ์การขับขี่ที่สปอร์ตปราดเปรียวสุดเร้าใจ ทั้งหมดนี้เป็นไปได้ด้วยเครื่องยนต์เอาต์พุต 340 แรงม้า (250 กิโลวัตต์) แชสซี Adaptive M และดิฟเฟอเรนเชียล M Sport.
ช่วงปีที่มีการผลิต BMW Z4 M: 2006 – 2008, 2019 – ปัจจุบัน
เครื่องยนต์: 3.0 – 3.2 ลิตร (250 – 252 กิโลวัตต์, 340 – 343 แรงม้า) 6 สูบ
ยาว/กว้าง/สูง: 4,091 – 4,321 มม. / 1,781 – 1,861 มม. / 1,268 – 1,304 มม
ความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและปริมาณการปล่อยก๊าซ CO2
รถยนต์ BMW M3:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 10.2–9.6
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 232–221
รถยนต์ BMW M4:อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 10.2–9.6
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 232–221
รถยนต์ BMW M5:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 10.6
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 243–242
รถยนต์ BMW M8 Coupé:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 10.4
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 239
รถยนต์ BMW M8 Convertible:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 10.7
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 244
รถยนต์ BMW M8 Gran Coupé:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 10.7
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 243
รถยนต์ BMW X3 M:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 10.7
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 244
รถยนต์ BMW X4 M:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 10.7
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 244
รถยนต์ BMW X5 M:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 12.5
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 286
รถยนต์ BMW X6 M:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 12.5
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 285
ค่าตัวเลขอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ปริมาณการปล่อยก๊าซ CO2 และอัตราความสิ้นเปลืองพลังงาน วัดตามมาตรฐาน European Regulation (EC) 715/2007 ที่มีผลบังคับใช้ ณ เวลาที่มีการรับรองประเภท ตัวเลขที่แสดงจะอ้างอิงตามรถที่มีการกำหนดค่าพื้นฐานจากประเทศเยอรมนีและช่วงค่าที่แสดงจะพิจารณาตามอุปกรณ์เสริม และความแตกต่างของขนาดล้อและยางของรุ่นที่เลือกมา.
ข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพของ CO2 จะถูกกำหนดตามกฎข้อบังคับ Directive 1999/94/EC และกฎข้อบังคับของยุโรปเวอร์ชันที่ใช้อยู่ ณ ปัจจุบัน ค่าที่แสดงนี้จะขึ้นอยู่กับอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ค่า CO2 และค่าอัตราสิ้นเปลืองพลังงงานตามมาตรฐานในการจัดลำดับของ NEDC.
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและระดับการปล่อย CO2 เฉพาะของรถโดยสารใหม่อย่างเป็นทางการ สามารถดูได้ที่ คู่มือแสดงอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ระดับการปล่อย CO2 และอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานสำหรับรถโดยสารใหม่ ซึ่งมีวางอยู่ที่จุดขายหรือเข้าไปดูได้ที่ https://www.dat.de/angebote/verlagsprodukte/leitfaden-kraftstoffverbrauch.html.
ความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและปริมาณการปล่อยก๊าซ CO2
รถยนต์ BMW M3:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 10.2–9.6
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 232–221
BMW M3 CS:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 10.4–10.1
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 234–229
รถยนต์ BMW M4:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 10.2–9.6
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 232–221
รถยนต์ BMW M5:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 10.6
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 243–242
รถยนต์ BMW M8 Coupé:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 10.4
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 239
รถยนต์ BMW M8 Convertible:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 10.7
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 244
รถยนต์ BMW M8 Gran Coupé:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 10.7
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 243
รถยนต์ BMW X3 M:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 10.7
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 244
รถยนต์ BMW X4 M:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 10.7
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 244
รถยนต์ BMW X5 M:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 12.5
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 286
รถยนต์ BMW X6 M:
อัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นหน่วยลิตร/100 กม. (แบบผสม): 12.5
การปล่อย CO2 เป็นหน่วยกรัม/กม. (แบบผสม): 285
ค่าตัวเลขอัตราความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ปริมาณการปล่อยก๊าซ CO2 และอัตราความสิ้นเปลืองพลังงาน วัดตามมาตรฐาน European Regulation (EC) 715/2007 ที่มีผลบังคับใช้ ณ เวลาที่มีการรับรองประเภท ตัวเลขที่แสดงจะอ้างอิงตามรถที่มีการกำหนดค่าพื้นฐานจากประเทศเยอรมนีและช่วงค่าที่แสดงจะพิจารณาตามอุปกรณ์เสริม และความแตกต่างของขนาดล้อและยางของรุ่นที่เลือกมา.
ข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพของ CO2 จะถูกกำหนดตามกฎข้อบังคับ Directive 1999/94/EC และกฎข้อบังคับของยุโรปเวอร์ชันที่ใช้อยู่ ณ ปัจจุบัน ค่าที่แสดงนี้จะขึ้นอยู่กับอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ค่า CO2 และค่าอัตราสิ้นเปลืองพลังงงานตามมาตรฐานในการจัดลำดับของ NEDC.
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและระดับการปล่อย CO2 เฉพาะของรถโดยสารใหม่อย่างเป็นทางการ สามารถดูได้ที่ คู่มือแสดงอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ระดับการปล่อย CO2 และอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานสำหรับรถโดยสารใหม่ ซึ่งมีวางอยู่ที่จุดขายหรือเข้าไปดูได้ที่ https://www.dat.de/angebote/verlagsprodukte/leitfaden-kraftstoffverbrauch.html.