เครื่องมือจัดการการอนุญาตของคุณให้ใช้คุกกี้ของเรากำลังออฟไลน์ชั่วคราว การทำงานบางอย่างที่ต้องใช้คำยินยอมให้ใช้คุกกี้อาจหายไป
THE BMW PLUG-IN HYBRIDS.
ข้อดีของระบบผสม
ด้วยเครื่องยนต์ระบบผสมทั้งเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ระบบปลั๊กอินไฮบริดของ BMW จึงรับประกันความมั่นใจด้านการเลือกวิธีขับเคลื่อน เหมาะสำหรับความต้องการทุกรูปแบบในใช้รถประจำวัน เทคโนโลยี eDrive ของ BMW i ทำให้เครื่องยนต์ไฟฟ้าทำระยะทางได้ไกลมากกว่า 70 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับรุ่น) ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ไม่ปล่อยมลพิษทำให้เหมาะกับการใช้งานในเมือง การเดินทางไปทำงานหรือไปจับจ่ายซื้อของ ในการเดินทางไกลหรือบนทางด่วนก็ยังขับได้ในระยะไกลด้วยเครื่องยนต์เชื้อเพลิง ข้อดีคือการกระจายพลังขับเคลื่อนอันชาญฉลาด โดย ปลั๊กอินไฮบริดของ BMW จะเปลี่ยนวิธีขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติอยู่ตลอดเวลาตามความจำเป็นเพื่อให้ได้ระยะเดินทางที่ไกลที่สุด รถยนต์ระบบไฮบริดของ BMW ที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ นี้มีให้เลือกในซีรีส์ 3, 5, 7 และ X ที่ตอบสนองการใช้งานได้มากที่สุดในทุกไลฟ์สไตล์ ขอเชิญมาร่วมทำความรู้จักกับรถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริดของ BMW แล้วเลือกเป็นเจ้าของรุ่นที่เหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด
OUR PLUG-IN HYBRID FLEET: AS VARIED AS LIFE ITSELF.
BMW 3 SERIES SEDAN PLUG-IN HYBRIDS.
รถยนต์ซีดาน BMW 3 Series เครื่องยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริด BMW 330e กับเครื่องยนต์ไฟฟ้าที่ทำระยะทางได้ไกลสุด 71 กิโลเมตร
From | 2,799,000 |
BMW 5 SERIES SEDAN PLUG-IN HYBRIDS.
รถยนต์ซีดาน BMW 5 Series ระบบปลั๊กอินไฮบริด BMW 530e ใช้เครื่องยนต์ไฟฟ้าที่ทำระยะทางได้ไกลสุด 66 กิโลเมตร
From | 3,199,000 |
BMW X5 xDRIVE45e.
From | 5,149,000 |
BMW X3 xDRIVE30e.
From | 3,799,000 |
THE TECHNOLOGY BEHIND.
รู้จักกับเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดของ BMW
คำถามที่พบบ่อย : คำถามและคำตอบสำคัญเกี่ยวกับระบบปลั๊กอินไฮบริด
อะไรคือระบบปลั๊กอินไฮบริด?
รถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV หรือ Plug-in Hybrid Electric Vehicle) คือการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างเครื่องยนต์เชื้อเพลิง เครื่องยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่โวลต์สูงที่ให้สมรรถนะสูงสุดจากเครื่องยนต์สองระบบ ประหยัดน้ำมันและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การตอบสนองระหว่างสองระบบยังทำให้สมรรถนะและอัตราเร่งของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นด้วย
ดังชื่อของระบบ รถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริดชาร์จไฟได้จากช่องปลั๊กบ้าน กล่องชาร์จไฟติดผนัง หรือจากสถานีชาร์จไฟสาธารณะ แบตเตอรี่จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อชาร์จไฟจนเต็ม จึงควรมีที่ชาร์จไฟไว้ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน
ระยะทางที่เครื่องยนต์ไฟฟ้าทำได้เมื่อชาร์จไฟเต็มเช่นในกรณี BMW 530e ไปได้ไกลสุด 66 กิโลเมตร เช่นเดียวกับรถยนต์ใช้แบตเตอรี่โวลต์สูงทุกแบบ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะทำให้ระยะทางไกลสุดเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ระหว่างช่วงฟื้นสภาพ เมื่อยกเท้าออกจากคันเร่งแล้วพลังงานจลน์จะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าป้อนแบตเตอรี่ ทำให้ได้ระยะทางที่แล่นด้วยเครื่องยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก
จากยุทธศาสตร์ ”พลังแห่งทางเลือก” BMW นำเสนอรถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริดหลายแบบให้ลูกค้าได้ตัดสินใจเลือกจากระบบขับเคลื่อนเปี่ยมประสิทธิภาพนี้
ระบบปลั๊กอินไฮบริดนี้เหมาะสำหรับผู้ขับรถยนต์ที่ต้องการความคล่องตัวสูงสุด หรือกล่าวได้ว่าเป็นรถเครื่องยนต์ไฟฟ้าใช้งานประจำวัน เพื่อเดินทางไปที่ทำงานได้อย่างประหยัดและยั่งยืน การใช้งานที่คุ้มค่าที่สุดคือการเดินทางระยะทางปานกลางเป็นประจำทั้งไปและกลับ ซึ่งการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจะให้ระยะทางในกิโลเมตรที่ครอบคลุมพอดี หรือกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่ารถยนต์จะทำระยะทางได้มากขึ้น และเลือกใช้พลังงานได้หลากหลายขึ้นเพื่อเดินทางไกล เช่น การพาครอบครัวไปเที่ยวไกลๆ ช่วงสุดสัปดาห์
อะไรคือข้อดีของการใช้ระบบปลั๊กอินไฮบริด?
คุณประโยชน์ข้อหนึ่งสำหรับผู้ใช้รถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริด คือมันเงียบและมีอัตราเร่งดีขึ้นเมื่อเลือกใช้พลังขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์ไฟฟ้า
เจ้าของรถระบบปลั๊กอินไฮบริดจำนวนมากสามารถเดินทางไปในเส้นทางส่วนใหญ่ด้วยเครื่องยนต์ไฟฟ้าได้อยู่แล้ว ระยะทางที่ใช้เดินทางประจำวันมักจะไม่เกินกว่า 50 กิโลเมตร ซึ่งช่วยประหยัดได้มากเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์เชื้อเพลิงธรรมดา ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของแต่ละบุคคล ขณะที่ระยะทางของเครื่องยนต์แบบเดิมไม่ได้น้อยลงด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริด และหากชาร์จไฟอย่างไม่ถูกต้องหรือมีไฟไม่เต็มแบตเตอรี่ เครื่องยนต์เชื้อเพลิงก็จะทำงานแทนโดยอัตโนมัติจนถึงที่หมาย
นอกจากนี้ผู้ใช้งานรถยนต์ชนิดนี้ในบางประเทศยังได้รับสิทธิประโยชน์ด้านการเงิน ทั้งทางตรงคือได้เงินอุดหนุนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และทางอ้อมคือได้ลดหย่อนภาษีจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง
ปัจจัยใดที่ส่งผลต่อสมรรถนะของแบตเตอรี่โวลต์สูงในรถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริด?
ปัจจัยสำคัญภายนอกที่มีผลกระทบต่อประสิทธิภาพและความจุของแบตเตอรี่คืออุณหภูมิ เช่นเดียวกับแบตเตอรี่ของโทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งจะเสื่อมประสิทธิภาพลงจากอุณหภูมิเย็นจัดและร้อนจัด สิ่งนี้สำคัญยิ่งโดยเฉพาะในฤดูหนาว ซึ่งต้อง”ปรับสภาพ” ของรถยนต์ให้พร้อมระหว่างการชาร์จไฟ กล่าวคือต้องอุ่นทั้งแบตเตอรี่และห้องโดยสาร หรือต้องทำให้เย็นลงในฤดูร้อนซึ่งจะไม่เพียงช่วยรักษาแบตเตอรี่ไว้ใช้เดินทาง แบตเตอรี่ที่มีอุณหภูมิเหมาะสมจะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นแต่แรกเช่นกัน การปรับสภาพรถยนต์ยังช่วยลดผลกระทบด้านอุณหภูมิโดยรวมด้วย ทราบหรือไม่ว่าความจุของแบตเตอรี่นั้นสามารถบอกระยะทางที่รถจะแล่นได้? นอกจากอุณหภูมิแล้วปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อระยะทางคืออุปกรณ์ต่างๆ ในรถ เช่นเครื่องปรับอากาศ น้ำหนักบรรทุก และพฤติกรรมการขับรถของคุณเอง
จะใช้ระบบปลั๊กอินไฮบริดนี้อย่างไรให้เต็มประสิทธิภาพ
ในรถยนต์ BMW ระบบปลั๊กอินไฮบริด ระบบผสมที่คาดเดาได้นี้ช่วยให้ถึงที่หมายได้อย่างมีประสิทธิภาพจากระบบนำทางแบบแอคทีฟ ดังนั้น โปรดใช้ฟังก์ชั่นนำทางแบบแอคทีฟนี้แม้เมื่อรู้เส้นทางแล้ว พลังงานไฟฟ้าจะถูกกระจายใช้อย่างชาญฉลาดตามสภาพเส้นทาง ให้ขับรถด้วยเครื่องยนต์ไฟฟ้าได้ในเมืองและบริเวณใกล้เคียงจุดหมายปลายทาง ในระบบปลั๊กอินไฮบริดรูปแบบการขับยังเพิ่มมากขึ้นกว่าโหมดปกติของ BMW ที่คุณคุ้นเคย ด้วยการขับในรูปแบบ HYBRID ECP PRO ซึ่งทำให้ขับเคลื่อนได้เต็มประสิทธิภาพ สบาย ใช้งานได้ทั้งแสงส่องสว่างและเครื่องปรับอากาศ
ระบบช่วยการมองเห็นด้านหน้า (Forward View Assistant) คือคุณสมบัติพิเศษของ HYBRID ECP PRO ที่ช่วยให้รู้สถานการณ์ในการขับเคลื่อนเต็มประสิทธิภาพด้วยจอแสดงผล HUD (Head Up Display) เป็นการมองค่าต่างๆ ในระนาบเดียวกับภาพหน้ารถ ตัวอย่างคือ เห็นการเตือนให้ผ่อนคันเร่งลงเมื่อเข้าเขตจำกัดความเร็ว อีกฟังก์ชั่นหนึ่งที่มีคุณประโยชน์คือการวิเคราะห์รูปแบบการขับ (Driving Style Analysis) ที่วิเคราะห์วิธีขับของคุณได้จากเมนูของรถยนต์ แล้วแนะนำวิธีการขับที่ดีที่สุดให้ ในรถยนต์ BMW ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนไฮบริดรุ่นใหม่ๆ เช่น BMW X5 xDrive45e การปรับตัวฟื้นสภาพของเครื่องยนต์ยังช่วยในการขับเคลื่อนได้แม้เมื่อถอนเท้าจากคันเร่งแล้ว ด้วยการช่วยเหลือของระบบปรับการควบคุมรถตามสถานการณ์อันชาญฉลาด รถจะ ”ตัดสินใจ” ได้เองว่าจะปล่อยไหลหรือใช้กำลังเครื่องฟื้นสภาพ ไม่ว่ารถจะขับอยู่หน้าสุด อยู่ในเขตจำกัดความเร็ว เข้าวงเวียนหรือแล่นในเขตชุมชน ระบบจะปรับลดความเร็วให้เป็นไปตามสภาพการจราจรได้เอง ผลคือไม่ต้องเหยียบเบรกบ่อยและขับได้สบายขึ้น และทั้งหมดนี้คือการปรับแต่งเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
มีข้อควรระวังอะไรบ้างเมื่อต้องจอดรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดไว้นานๆ?
หากต้องทิ้งรถจอดนิ่งไว้นาน เช่น ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ประจุไฟในแบตเตอรี่ควรจะมีเหลือไว้ 30-50% ไม่เสียบสายชาร์จทิ้งไว้เมื่อจอดนานหลายวัน
มีข้อควรระวังอะไรบ้างขณะชาร์จไฟรถปลั๊กอินไฮบริด?
รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดชาร์จไฟได้จากช่องปลั๊กบ้าน กล่องชาร์จไฟติดผนัง หรือสถานีชาร์จไฟสาธารณะ โดยจะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อชาร์จไฟเต็ม นั่นหมายความว่าคุณควรมีจุดชาร์จไฟทั้งที่บ้านและที่ทำงาน แนะนำให้ชาร์จไฟให้บ่อยที่สุด เพื่อให้มีแบตเตอรี่ไว้ใช้งานพลังงานไฟฟ้าได้เต็มที่
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
BMW 3 Series Sedan plug-in hybrids:
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นลิตร/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 2.1
ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นกรัม/กิโลเมตร (โดยเฉลี่ย): 48
อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าเป็นกิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 16.9BMW 5 Series Sedan plug-in hybrids:
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นลิตร/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 2.3–2.0
ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นกรัม/กิโลเมตร (โดยเฉลี่ย): 53–46
อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าเป็นกิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 17.6BMW X5 xDrive45e:
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นลิตร/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 2.5
ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นกรัม/กิโลเมตร (โดยเฉลี่ย): 56
อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าเป็นกิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 25.7BMW X3 xDrive30e:
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นลิตร/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 2.8
ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นกรัม/กิโลเมตร (โดยเฉลี่ย): 64
อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าเป็นกิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 18.3BMW 7 Series Sedan plug-in hybrids:
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นลิตร/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 2.8–2.4
ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นกรัม/กิโลเมตร (โดยเฉลี่ย): 65–56
อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าเป็นกิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 19.5–17.5ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานที่แสดงอยู่นี้จะระบุตามกฎข้อบังคับของยุโรป (EC) 715/2007 ในเวอร์ชันที่ใช้งานขณะที่ได้รับอนุมัติ ตัวเลขที่แสดงจะอ้างอิงตามรถที่มีการกำหนดค่าพื้นฐานจากประเทศเยอรมนีและช่วงค่าที่แสดงจะพิจารณาตามอุปกรณ์เสริม และความแตกต่างของขนาดล้อและยางของรุ่นที่เลือกมา
ข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพของ CO2 จะถูกกำหนดตามกฎข้อบังคับ Directive 1999/94/EC และกฎข้อบังคับของยุโรปเวอร์ชันที่ใช้อยู่ ณ ปัจจุบัน ค่าที่แสดงนี้จะขึ้นอยู่กับอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ค่า CO2 และค่าอัตราสิ้นเปลืองพลังงงานตามมาตรฐานในการจัดลำดับของ NEDC
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและระดับการปล่อย CO2 เฉพาะของรถโดยสารใหม่อย่างเป็นทางการ สามารถดูได้ที่ คู่มือแสดงอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ระดับการปล่อย CO2 และอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานสำหรับรถโดยสารใหม่ ซึ่งมีวางอยู่ที่จุดขายหรือเข้าไปดูได้ที่ https://www.dat.de/angebote/verlagsprodukte/leitfaden-kraftstoffverbrauch.html