BMW e-mobility การขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ปลั๊กอินไฮบริด

THE BMW PLUG-IN HYBRIDS.

THE BMW PLUG-IN HYBRIDS.

ข้อดีของระบบผสม

ด้วยเครื่องยนต์ระบบผสมทั้งเชื้อเพลิงและไฟฟ้า  ระบบปลั๊กอินไฮบริดของ BMW จึงรับประกันความมั่นใจด้านการเลือกวิธีขับเคลื่อน  เหมาะสำหรับความต้องการทุกรูปแบบในใช้รถประจำวัน  เทคโนโลยี eDrive ของ  BMW i ทำให้เครื่องยนต์ไฟฟ้าทำระยะทางได้ไกลมากกว่า 70 กิโลเมตร (ขึ้นอยู่กับรุ่น)  ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ไม่ปล่อยมลพิษทำให้เหมาะกับการใช้งานในเมือง การเดินทางไปทำงานหรือไปจับจ่ายซื้อของ  ในการเดินทางไกลหรือบนทางด่วนก็ยังขับได้ในระยะไกลด้วยเครื่องยนต์เชื้อเพลิง  ข้อดีคือการกระจายพลังขับเคลื่อนอันชาญฉลาด โดย ปลั๊กอินไฮบริดของ BMW จะเปลี่ยนวิธีขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติอยู่ตลอดเวลาตามความจำเป็นเพื่อให้ได้ระยะเดินทางที่ไกลที่สุด  รถยนต์ระบบไฮบริดของ BMW ที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ นี้มีให้เลือกในซีรีส์ 3, 5, 7 และ X  ที่ตอบสนองการใช้งานได้มากที่สุดในทุกไลฟ์สไตล์ ขอเชิญมาร่วมทำความรู้จักกับรถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริดของ BMW แล้วเลือกเป็นเจ้าของรุ่นที่เหมาะสมกับตัวคุณมากที่สุด

อ่านเพิ่มเติม

คำถามที่พบบ่อย : คำถามและคำตอบสำคัญเกี่ยวกับระบบปลั๊กอินไฮบริด

  • อะไรคือระบบปลั๊กอินไฮบริด?
    BMW e-mobility ปลั๊กอินไฮบริด คำถามที่พบบ่อย

    รถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV หรือ Plug-in Hybrid Electric Vehicle) คือการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างเครื่องยนต์เชื้อเพลิง เครื่องยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่โวลต์สูงที่ให้สมรรถนะสูงสุดจากเครื่องยนต์สองระบบ  ประหยัดน้ำมันและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  การตอบสนองระหว่างสองระบบยังทำให้สมรรถนะและอัตราเร่งของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้นด้วย

    ดังชื่อของระบบ รถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริดชาร์จไฟได้จากช่องปลั๊กบ้าน กล่องชาร์จไฟติดผนัง หรือจากสถานีชาร์จไฟสาธารณะ  แบตเตอรี่จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อชาร์จไฟจนเต็ม  จึงควรมีที่ชาร์จไฟไว้ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน

    ระยะทางที่เครื่องยนต์ไฟฟ้าทำได้เมื่อชาร์จไฟเต็มเช่นในกรณี BMW 530e ไปได้ไกลสุด 66 กิโลเมตร เช่นเดียวกับรถยนต์ใช้แบตเตอรี่โวลต์สูงทุกแบบ  ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะทำให้ระยะทางไกลสุดเพิ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ระหว่างช่วงฟื้นสภาพ เมื่อยกเท้าออกจากคันเร่งแล้วพลังงานจลน์จะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าป้อนแบตเตอรี่ ทำให้ได้ระยะทางที่แล่นด้วยเครื่องยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก

    จากยุทธศาสตร์ ”พลังแห่งทางเลือก” BMW นำเสนอรถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริดหลายแบบให้ลูกค้าได้ตัดสินใจเลือกจากระบบขับเคลื่อนเปี่ยมประสิทธิภาพนี้

    ระบบปลั๊กอินไฮบริดนี้เหมาะสำหรับผู้ขับรถยนต์ที่ต้องการความคล่องตัวสูงสุด  หรือกล่าวได้ว่าเป็นรถเครื่องยนต์ไฟฟ้าใช้งานประจำวัน  เพื่อเดินทางไปที่ทำงานได้อย่างประหยัดและยั่งยืน  การใช้งานที่คุ้มค่าที่สุดคือการเดินทางระยะทางปานกลางเป็นประจำทั้งไปและกลับ  ซึ่งการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจะให้ระยะทางในกิโลเมตรที่ครอบคลุมพอดี  หรือกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่ารถยนต์จะทำระยะทางได้มากขึ้น และเลือกใช้พลังงานได้หลากหลายขึ้นเพื่อเดินทางไกล เช่น การพาครอบครัวไปเที่ยวไกลๆ ช่วงสุดสัปดาห์

  • อะไรคือข้อดีของการใช้ระบบปลั๊กอินไฮบริด?
  • ปัจจัยใดที่ส่งผลต่อสมรรถนะของแบตเตอรี่โวลต์สูงในรถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริด?
  • จะใช้ระบบปลั๊กอินไฮบริดนี้อย่างไรให้เต็มประสิทธิภาพ
  • มีข้อควรระวังอะไรบ้างเมื่อต้องจอดรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดไว้นานๆ?
  • มีข้อควรระวังอะไรบ้างขณะชาร์จไฟรถปลั๊กอินไฮบริด?

ดูข้อมูลโปรแกรมการขายระดับองค์กร

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

  • BMW 3 Series Sedan plug-in hybrids:
    อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นลิตร/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 2.1
    ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นกรัม/กิโลเมตร (โดยเฉลี่ย): 48
    อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าเป็นกิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 16.9

    BMW 5 Series Sedan plug-in hybrids:
    อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นลิตร/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 2.3–2.0
    ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นกรัม/กิโลเมตร (โดยเฉลี่ย): 53–46
    อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าเป็นกิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 17.6

    BMW X5 xDrive45e:
    อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นลิตร/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 2.5
    ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นกรัม/กิโลเมตร (โดยเฉลี่ย): 56
    อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าเป็นกิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 25.7

    BMW X3 xDrive30e:
    อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นลิตร/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 2.8
    ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นกรัม/กิโลเมตร (โดยเฉลี่ย): 64
    อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าเป็นกิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 18.3

    BMW 7 Series Sedan plug-in hybrids:
    อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นลิตร/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 2.8–2.4
    ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นกรัม/กิโลเมตร (โดยเฉลี่ย): 65–56
    อัตราสิ้นเปลืองไฟฟ้าเป็นกิโลวัตต์ชั่วโมง/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 19.5–17.5

    ข้อมูลเกี่ยวกับอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานที่แสดงอยู่นี้จะระบุตามกฎข้อบังคับของยุโรป (EC) 715/2007 ในเวอร์ชันที่ใช้งานขณะที่ได้รับอนุมัติ ตัวเลขที่แสดงจะอ้างอิงตามรถที่มีการกำหนดค่าพื้นฐานจากประเทศเยอรมนีและช่วงค่าที่แสดงจะพิจารณาตามอุปกรณ์เสริม และความแตกต่างของขนาดล้อและยางของรุ่นที่เลือกมา

    ข้อกำหนดด้านประสิทธิภาพของ CO2 จะถูกกำหนดตามกฎข้อบังคับ Directive 1999/94/EC และกฎข้อบังคับของยุโรปเวอร์ชันที่ใช้อยู่ ณ ปัจจุบัน ค่าที่แสดงนี้จะขึ้นอยู่กับอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ค่า CO2 และค่าอัตราสิ้นเปลืองพลังงงานตามมาตรฐานในการจัดลำดับของ NEDC

    สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและระดับการปล่อย CO2 เฉพาะของรถโดยสารใหม่อย่างเป็นทางการ สามารถดูได้ที่ คู่มือแสดงอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ระดับการปล่อย CO2 และอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานสำหรับรถโดยสารใหม่ ซึ่งมีวางอยู่ที่จุดขายหรือเข้าไปดูได้ที่ https://www.dat.de/angebote/verlagsprodukte/leitfaden-kraftstoffverbrauch.html