BMW x EVolt partnership announcement
ข่าวประชาสัมพันธ์ | 2565.05.03

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จับมืออีโวลท์ เทคโนโลยี ยกระดับประสบการณ์สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะสำหรับลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ

คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ (ที่ 2 จากซ้าย) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย พร้อมด้วยคุณประภัสรา อร่ามวงศ์สมุทร (ที่ 3 จากซ้าย) ผู้อำนวยการ มินิ ประเทศไทย คุณอนันตเดช อินทรวิศิษฎ์ (ที่ 4 จากซ้าย) ผู้จัดการธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย และ คุณโอภาส นพพรพิทักษ์ (ซ้ายสุด) ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กรบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย (โรงงานระยอง) เปิดตัวสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะโดยความร่วมมือกันบริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด โดยมี คุณพูนพัฒน์ โลหารชุน (ที่ 5 จากซ้าย) ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด และ คุณกัณฑ์เฉลิม เอียสกุล (ขวาสุด) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด ให้เกียรติเข้าร่วม ณ Whizdom 101 เมื่อเร็ว ๆ นี้

 

กรุงเทพฯ. บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศความร่วมมือครั้งล่าสุดกับ บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด (Evolt Technology) ผู้ให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย เพื่อขยายเครือข่ายการให้บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิระบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) ทั่วประเทศ โดยลูกค้าจะสามารถเข้าถึงเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ควบคุมการชาร์จ และชำระเงินค่าชาร์จผ่านแอปพลิเคชั่น EVolt พร้อมรับสิทธิพิเศษเฉพาะสำหรับลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูได้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 และสำหรับลูกค้ามินิ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ สามารถเข้าถึงเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะได้ราว 600 หัวจ่าย ในกว่า 295 แห่งทั่วประเทศ

 

มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธานและซีอีโอ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืนในประเทศไทยมาโดยตลอด เราร่วมมือกับพันธมิตรในการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 และเนื่องจากผู้ขับขี่ชาวไทยมีความต้องการด้านพลังงานยั่งยืนและการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เราจึงมองเห็นโอกาสสำคัญในการทำงานร่วมกับพันธมิตรรายใหม่ ๆ เพื่อขยายเครือข่ายสถานีชาร์จไฟฟ้าสาธารณะ ให้ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิได้รับความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการใช้งานสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะ เพื่อปูทางการเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำในประเทศไทยอีกด้วย”

 

คุณพูนพัฒน์ โลหารชุน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด กล่าวว่า “ความร่วมมือครั้งนี้กับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จะเป็นการผนวกความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการสถานีชาร์จไฟฟ้าและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของเรา และเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าอันล้ำสมัยของบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ เพื่อนำเสนอบริการที่เหนือกว่าสำหรับลูกค้าเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าด้วยแอปพลิเคชั่นที่ใช้งานง่าย เราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยตอกย้ำศักยภาพและจุดแข็งของเราในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างสรรค์โซลูชั่นการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า และช่วยผลักดันเป้าหมายแห่งการเติบโตให้กับบริษัทของเราในฐานะผู้ให้บริการระบบชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของประเทศไทย”

 

จากความร่วมมือกันของทั้งสองฝ่ายในครั้งนี้ จะทำให้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิสามารถเข้าถึงเครือข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะมากถึง 600 หัวจ่าย ในกว่า 295 แห่งทั่วประเทศ ประกอบไปด้วย สถานีชาร์จไฟฟ้าของอีโวลท์ เทคโนโลยี และสถานีชาร์จของพันธมิตรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สถานีชาร์จไฟฟ้า EleX by EGAT โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สถานี ChargeNow และสถานีอัดประจุไฟฟ้าที่ผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยูและมินิ

 

ทั้งนี้ เฉพาะลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิที่เป็นเจ้าของรถยนต์ระบบปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และ รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) จากผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ จะได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้นกับบริการสุดพิเศษเมื่อใช้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้าของอีโวลท์ เทคโนโลยี อาทิ เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลงานบริการลูกค้าของบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลสำคัญ เช่น ที่ตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าและการวางแผนเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้ารายใดก็ตาม ได้ที่เบอร์ 02-114-7343 หรือติดต่อศูนย์บริการลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย 1397 ทั้งนี้ ลูกค้าที่ติดต่อไปยังอีโวลท์ เทคโนโลยีโดยตรง จะต้องยืนยันความเป็นเจ้าของรถยนต์โดยการแจ้งหมายเลขประจำยานพาหนะ (VIN) กับเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการ

 

นอกจากนั้น ลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูและมินิที่เป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (BEV) จะได้รับส่วนลดถึง 20% เมื่อเติมเงินสำหรับเครดิตการชาร์จผ่านแอปพลิเคชั่น EVolt ลูกค้าสามารถลงทะเบียนเพื่อรับข้อเสนอพิเศษดังกล่าว ด้วยการดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น EVolt บน Google Play หรือ Apple Store พร้อมกรอกข้อมูลส่วนบุคคล ยี่ห้อรถ และหมายเลขประจำยานพาหนะ (VIN) หลังจากนั้นจะสามารถใช้สิทธิพิเศษดังกล่าวได้ทันทีกับหมายเลขประจำยานพาหนะที่ลงทะเบียนไว้ ซึ่งทั้งสองสิทธิพิเศษดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม สำหรับลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู และ 1 มิถุนายน 2565 สำหรับลูกค้ามินิ

 

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการดังกล่าว สามารถสอบถามได้ที่บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เบอร์โทรศัพท์ 1397 และติดตามข่าวสารได้ทาง https://www.bmw.co.th หรือ https://www.facebook.com/bmwthailand/

อ่านเพิ่มเติม
BMW x EVolt partnership announcement

ในภาพจากซ้าย 

  1. คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
  2. คุณประภัสรา อร่ามวงศ์สมุทร ผู้อำนวยการ มินิ ประเทศไทย
  3. คุณพูนพัฒน์ โลหารชุน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด
  4. คุณอนันตเดช อินทรวิศิษฎ์ ผู้จัดการธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย
  5. คุณกัณฑ์เฉลิม เอียสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อีโวลท์ เทคโนโลยี จำกัด
  6. คุณโอภาส นพพรพิทักษ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย (โรงงานระยอง)
BMW x EVolt partnership announcement
BMW x EVolt partnership announcement
BMW x EVolt partnership announcement
BMW x EVolt partnership announcement
BMW x EVolt partnership announcement
  • บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป

    บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิต 31 แห่งใน 15 ประเทศ อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก

    ในปี พ.ศ. 2564 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์กว่า 2.5 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 194,000 คันทั่วโลก กำไรก่อนหักภาษีในปีงบประมาณ 2563 อยู่ที่ 5.222 พันล้านยูโร จากรายได้รวม 98.990 พันล้านยูโร โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 120,726 คนทั่วโลก

    ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี โดยวางรากฐานความสำคัญสำหรับอนาคตตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม โดยคำนึงถึงความยั่งยืนและการบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดตั้งแต่กระบวนการการผลิตสินค้าไปยังผู้บริโภค หรือซัพพลายเชนในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย 

    บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

    บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2541 ประกอบด้วยสี่บริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยูและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตชิ้นส่วนสำหรับการประกอบมอเตอร์ไซค์บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด สำหรับโรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ณ จังหวัดระยอง  

    ในปี 2564 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งด้วยสถิติยอดจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิจำนวน 11,032 คัน โดยแบ่งเป็นยอดจดทะเบียนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรวม 9,982 คัน และยอดจดทะเบียนรถยนต์มินิ 1,050 คัน ด้านบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ยังคงรักษาผลงานที่แข็งแกร่งไว้ได้ ด้วยยอดจดทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมดรวม 1,197 คัน

    ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนู แฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมานอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 31 แห่ง ใน 15 ประเทศทั่วโลก 

    บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รุ่นต่างๆ ทั้งหมด 18 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 บีเอ็มดับเบิลยู X3 บีเอ็มดับเบิลยู X5 บีเอ็มดับเบิลยู X6 และบีเอ็มดับเบิลยูู X7 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 900 R บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR บีเอ็มดับเบิลยู F750 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R และบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 5 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู 530e บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive30e บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e และบีเอ็มดับเบิลยู 745Le xDrive

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
    บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
    1397

    www.bmw.co.th
    www.mini.co.th
    www.bmw-motorrad.co.th

    สื่อมวลชนติดต่อ  บริษัท คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์
    สุธาทิพย์ บุญแสง (08-7685-1695 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 102)
    ปวริศา ธนวจีรัณ (08-6564-4726 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 125)
    จิรวัฒน์ อรรคจันทร์ (09-3636-1241 or 0-2627-3501 ต่อ 101)
    sboonsaeng@carlbyoir.com, bwangpeerawong@carlbyoir.com, pthanawajeran@carlbyoir.com, jakachan@carlbyoir.com