ข่าวประชาสัมพันธ์ | 2564.10.01

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย แต่งตั้ง มร. มิคาเอล ไรเนอร์ เป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงินคนใหม่ รับตำแหน่งต่อจาก มร. แบรน์ฮาร์ท เทอรีท ซึ่งจะรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงิน ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศเกาหลี

กรุงเทพฯ. บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ประกาศแต่งตั้ง มร. มิคาเอล ไรเนอร์ ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงินคนล่าสุด มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป โดย มร. ไรเนอร์ เข้ารับตำแหน่งต่อจาก มร. แบรน์ฮาร์ท เทอรีท ซึ่งย้ายไปรับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงิน ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศเกาหลี

 

มร. มิคาเอล ไรเนอร์ จะย้ายมาประจำตำแหน่งกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จากตำแหน่งเดิมในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงินของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มาเลเซีย โดยได้ร่วมงานกับบีเอ็มดับเบิลยูครั้งแรกใน พ.ศ. 2543 จากนั้นได้ปฏิบัติงานในด้านต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น อิตาลี เยอรมนี หรือมาเลเซีย ในปี พ.ศ. 2556 มร. ไรเนอร์ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายบริหารและควบคุมการเงินของบีเอ็มดับเบิลยู Italia SpA จากนั้นได้ปฏิบัติงานในฐานะผู้อำนายการฝ่ายควบคุมไอทีของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นเวลากว่าสี่ปี ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงินคนใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มร. มิคาเอล ไรเนอร์ จะรับผิดชอบการบริหารงานด้านการเงินในภาพรวมของทั้งสามบริษัทซึ่งรวมถึงบีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด, บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด, และบีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด

 

มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ต้อนรับ มร. มิคาเอล ไรเนอร์ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารการเงินคนใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มร. ไรเนอร์ ได้แสดงผลงานและความเป็นผู้นำด้านการบริหารการเงินที่ยอดเยี่ยม และด้วยประสบการณ์การทำงานมากว่าหลายปีนี้ มร. ไรเนอร์ จะนำความเชี่ยวชาญมาสู่ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ที่จะช่วยให้เราสามารถครองความเป็นผู้นำยานยนต์พรีเมียมของประเทศไทย พร้อมส่งเสริมบริษัทฯ ให้สามารถเติบโตและพัฒนานวัตกรรมต่อไปได้พร้อม ๆ กัน”

อ่านเพิ่มเติม

“ผมขอแสดงความขอบคุณต่อ มร. แบรน์ฮาร์ท เทอรีท ในความทุ่มเทต่อการบริหารงานตลอดระยะเวลาสามปี ซึ่งเป็นส่วนสำคัญต่อความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ในการขับเคลื่อนแนวทางการทำธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าสูงสุดและเป็นจุดศูนย์กลางของการพัฒนาธุรกิจ ตลอดจนความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ของการเป็นผู้นำเซกเมนต์ในปี 2564 ในฐานะตัวแทนของบริษัทฯ ผมขอแสดงความยินดีกับ มร. เทอรีท ในการเข้ารับตำแหน่งกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศเกาหลี และเชื่อมั่นว่า มร. เทอรีท จะเป็นกำลังสำคัญที่นำทีมไปสู่ความสำเร็จได้ในอนาคต” มร. อเล็กซานเดอร์ บารา กล่าวเสริม

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิต 31 แห่งใน 15 ประเทศ อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก 

 

ในปี พ.ศ. 2563 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์กว่า 2.3 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 169,000 คันทั่วโลก กำไรก่อนหักภาษีในปีงบประมาณ 2562 อยู่ที่ 7.118 พันล้านยูโร จากรายได้รวม 104.210 พันล้านยูโร โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 126,016 คนทั่วโลก

 

ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย 

 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2541 ประกอบด้วยสามบริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล 

 

ในปี 2563 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งด้วยสถิติส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิจำนวน 12,426 คัน โดยได้ส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรวม 11,242 ลดลง 4.3% จากปีก่อนหน้า ขณะที่มินิมียอดการส่งมอบ 1,184 คัน ลดลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 1.7% ด้านบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ยังคงรักษาผลงานที่แข็งแกร่งไว้ได้ ด้วยยอดส่งมอบ 1,224 คัน แม้จะต้องประสบกับสถานการณ์โรคระบาดในปี 2563    

 

ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมา นอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 31 แห่ง ใน 15 ประเทศทั่วโลก 

 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รุ่นต่างๆ ทั้งหมด 17 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 บีเอ็มดับเบิลยู X3 บีเอ็มดับเบิลยู X5 และบีเอ็มดับเบิลยู X7 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 900 R บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR บีเอ็มดับเบิลยู F750 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS บีเอ็ม ดับเบิลยู R 1250 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R และบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 5 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู 530e บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive30e บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e และบีเอ็มดับเบิลยู 745Le xDrive 

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
1397
www.bmw.co.th     
www.mini.co.th     
www.bmw-motorrad.co.th      

 

สื่อมวลชนติดต่อ บริษัท คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์
สุธาทิพย์ บุญแสง (08-7685-1695 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 102)
ธรธวัช ทองแนบ (08-3225-4567 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 206)
ปวริศา ธนวจีรัณ (08-6564-4726 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 125)
นภสร ศรีวรรณวิทย์ (08-5862-7676 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 212)
sboonsaeng@carlbyoir.com, tthongnab@carlbyoir.com, pthanwajeran@carlbyoir.com, nsriwannavit@carlbyoir.com

อ่านเพิ่มเติม