ข่าวประชาสัมพันธ์ | 2564.08.18

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังครองผลประกอบการบวกในไตรมาส ที่สองต่อเนื่อง ตอกย้ำความมุ่งมั่นของการดำเนินธุรกิจระยะยาว ในตลาดไทย

พร้อมร่วมกับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ สนับสนุนบุคลากรทางแพทย์และคนไทยผ่านหลากหลายโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง

  • ยอดขายของบีเอ็มดับเบิลยูยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยจำนวนส่งมอบของบีเอ็มดับเบิลยู
    5,037 คัน มินิ 536 คัน และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด 623 คัน โตขึ้น 33% 40% และ 1% ตามลำดับ จากปีก่อนหน้า
  • บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ มีสถิติยอดส่งมอบสูงกว่าตลาดรถยนต์นั่งในภาพรวมช่วงครึ่งปีแรกที่ 120,351 คัน คิดเป็นการเติบโตที่ 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า
  • บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีสถิติการผลิตรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในช่วงครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 31.4% เทียบกับปี 2562 และ 35.5% เทียบกับปี 2563
  • การลงทุนเพิ่มในบีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ช่วยขยายเครือข่ายการผลิตในประเทศ
  • จำนวนผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูและมินิอย่างเป็นทางการ ที่ได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยและสุขอนามัย (SHA) มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการยกระดับด้านมาตรการความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยและผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ
  • ด้วยความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับโควิด-19 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ร่วมกับผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมมากมาย เช่น การบริจาคน้ำและอาหารโดยผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ การจัดให้บริการรถรับ-ส่งให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไป เพื่อเดินทางไปรับบริการฉีดวัคซีน โดยบีเอ็มดับเบิลยู และมินิ ผ่านแอปพลิเคชัน HAUP แคมเปญร่วมบริจาคสองต่อเพื่อสนับสนุนกองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด-19 การสนับสนุนด้านยานยนต์ให้แก่ชมรมแพทย์ชนบท โดยความร่วมมือระหว่างบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และพันธมิตรต่าง ๆ  และกิจกรรมระดมทุนการกุศล “We Care, We Share” โดยมูลนิธิแคร์ ฟอร์ วอเตอร์ 
อ่านเพิ่มเติม

บีเอ็มดับเบิลยู X1 และมินิ Countryman ที่ใช้ในการให้บริการแก่ชมรมแพทย์ชนบท สำหรับการปฏิบัติภารกิจในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 4-11 สิงหาคม ที่ผ่านมา

กรุงเทพฯ. บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงครองผลการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งต่อเนื่องในตลาดรถยนต์พรีเมียมของไทย สำหรับไตรมาสที่สองของปี 2564 ด้วยจำนวนส่งมอบทั้งบีเอ็มดับเบิลยู และมินิ จนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 5,573 คัน โตขึ้น 34% ส่งผลให้มีอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาดรถยนต์นั่งโดยรวม ซึ่งมีการเติบโตอยู่ที่ 0.5% ด้วยยอดส่งมอบ 120,351 คัน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ที่มีต่อตลาดรถยนต์พรีเมียมไทยในระยะยาว รวมถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าไทยทั่วประเทศที่มีต่อทั้งสามแบรนด์

 

สำหรับช่วงครึ่งแรกของปี 2564 บีเอ็มดับเบิลยูและมินิมียอดส่งมอบรถ 5,037 คัน และ 536 คัน โตขึ้น 33% และ 40% ตามลำดับ ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก็มียอดส่งมอบ 623 คัน เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา

 

ในด้านการผลิต บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ยังสามารถเพิ่มการผลิตรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ได้ถึง 31.4% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในระหว่างเดือนมกราคมถีงมิถุนายน ปี 2562 และเพิ่มขึ้น 35.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในระหว่างเดือนมกราคมถึงมิถุนายนปี 2563 แม้จะมีความผันผวนทางเศรษฐกิจในปี 2563 และ 2564 ซึ่งเป็นผลจากจำนวนการสั่งจองอย่างต่อเนื่อง พร้อมความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการส่งออก

 

เพื่อสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นของการดำเนินธุรกิจในไทยในระยะยาว ผ่านการลงทุนใน บีเอ็มดับเบิลยู พาร์ทส์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย โดยการขยายเครือข่ายการผลิตภายในประเทศครั้งนี้ รวมถึงการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดกลยุทธ์หลักของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคจะทำให้บริษัทสามารถเสริมประสิทธิภาพในด้านปฏิบัติการได้อย่างสูงสุด และช่วยให้กระบวนการด้านโลจิสติคส์มีความคล่องตัวยิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาศักยภาพด้านทรัพยากรบุคคล โอกาสในการจ้างงาน การถ่ายทอดองค์ความรู้ และการพัฒนาทักษะแรงงาน

 

มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ในไตรมาสที่สองของปี 2564 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้แสดงถึงความมุ่งมั่นที่ไม่ได้มีเพียงด้านการผลิตและการขายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเติบโตในระยะยาว ความใส่ใจที่มีต่อลูกค้าและสังคม ทีมงานยังแสดงถึงการยืนหยัดและไม่ยอมแพ้กับความท้าทายช่วงวิกฤติโควิด-19 โดยได้ปรับและเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้เป็นไปตามความต้องการช่วงนิวนอร์มัลนี้ การปรับตัวของเราทำให้ยังคงเชื่อมต่อกับผู้จำหน่ายและลูกค้า เพื่อมอบโซลูชั่นที่พร้อมด้วยนวัตกรรมต่าง ๆ และตัวเลือกในผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น นอกจากจะเป็นการสร้างความมั่นใจในการมอบความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าแล้ว เรายังทุ่มเทความมุ่งมั่นของเราในการสนับสนุนสังคมโดยรวมในหลาย ๆ ด้านเพื่อช่วยเสริมสร้างสุขภาวะทั้งทางกายและจิตใจในช่วงที่สถานการณ์ต่างๆ มีความไม่แน่นอนนี้”

 

จากผลกระทบที่รุนแรงของสถานการณ์ระบาดที่มีต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ การให้บริการของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย มีการปรับเปลี่ยนในด้านดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น ในระหว่างไตรมาสที่สอง บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทยยังคงนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้อย่างต่อเนื่อง ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในการจัดกิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงการขาย การเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ ๆ และงานอีเว้นต์ต่างๆ การปรับเปลี่ยนดังกล่าวได้รับการตอบรับที่ดี เช่นที่เห็นได้จากงานบีเอ็มดับเบิลยู พรีเมียม ซีเล็คชั่น ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ยังเพิ่มโอกาสในการเป็นเจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูด้วยข้อเสนอพิเศษ พร้อมผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู X1 พร้อมขยายระยะเวลาสำหรับแพคเกจ BSI นานถึง 10 ปี บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 GC Sport ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาทเท่านั้น และข้อเสนอสำหรับการไม่ต้องจ่ายเงินดาวน์สําหรับรถยนต์ทุกรุ่น นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังได้ปรับรูปแบบการให้บริการเพื่อให้เป็นไปตามข้อปฏิบัติในยุคนิวนอร์มัลนี้ ไม่ว่าจะเป็นการบริการให้ทดสอบรถถึงที่บ้านของลูกค้า บริการส่งและรับรถที่มีความยืดหยุ่นยิ่งขึ้น ตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป

 

ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อเป็นการมอบมาตรฐานด้านความปลอดภัยสูงสุดให้แก่ลูกค้าจาก บรรดาผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูและมินิอย่างเป็นทางการยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (Safety and Health Administration (SHA)) ซึ่งยังมีผู้จำหน่ายอีกหลายรายในหลายสาขาที่กำลังทยอยได้รับการอนุมัติมาตรฐานดังกล่าว ทั้งนี้ เพื่อมอบความมั่นใจและสบายใจให้แก่ลูกค้าในเวลาที่เข้ารับบริการ

 

ในช่วงไตรมาสที่สอง บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมผ่านการสนับสนุนแก่ส่วนรวมในด้านต่าง ๆ เพื่อต่อสู้กับโควิด-19 “บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และ ผู้จำหน่ายมุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือผู้คนในช่วงการระบาดของโควิด-19 นี้ เราได้ร่วมมือกับหลากหลายองค์กรในการระดมทุนผ่านหลายโครงการ พร้อมบริการต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมสุขภาพและความปลอดภัยให้แก่คนไทยทุกคน เราเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรสำหรับช่วงเวลาที่เหลือของปี 2564 นี้ เราก็ยังพร้อมที่จะสู้ ปรับเปลี่ยนและพัฒนาธุรกิจและการให้บริการของเราต่อไป เพื่อให้ความช่วยเหลือและนำเสนอทางออกแก่คนไทยทุกคน” มร. บารากาสรุป

อ่านเพิ่มเติม

กิจกรรมจากผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการ เพื่อสนับสนุนบุคลากรทางแพทย์ในการดำเนินภารกิจทั่วประเทศ

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิต 31 แห่งใน 15 ประเทศ อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก 

 

ในปี พ.ศ. 2563 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์กว่า 2.3 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 169,000 คันทั่วโลก กำไรก่อนหักภาษีในปีงบประมาณ 2562 อยู่ที่ 7.118 พันล้านยูโร จากรายได้รวม 104.210 พันล้านยูโร โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 126,016 คนทั่วโลก

 

ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย 

 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2541 ประกอบด้วยสามบริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล 

 

ในปี 2563 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งด้วยสถิติส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิจำนวน 12,426 คัน โดยได้ส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรวม 11,242 ลดลง 4.3% จากปีก่อนหน้า ขณะที่มินิมียอดการส่งมอบ 1,184 คัน ลดลงจากปีก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 1.7% ด้านบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ยังคงรักษาผลงานที่แข็งแกร่งไว้ได้ ด้วยยอดส่งมอบ 1,224 คัน แม้จะต้องประสบกับสถานการณ์โรคระบาดในปี 2563    

 

ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมา นอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 31 แห่ง ใน 15 ประเทศทั่วโลก 

 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์และมอเตอร์ไซค์รุ่นต่างๆ ทั้งหมด 17 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 2 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 บีเอ็มดับเบิลยู X3 บีเอ็มดับเบิลยู X5 และบีเอ็มดับเบิลยู X7 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 900 R บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR  บีเอ็มดับเบิลยู F750 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R และบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 5 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู 530e บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive30e บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e และบีเอ็มดับเบิลยู 745Le xDrive 

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
1397
www.bmw.co.th     
www.mini.co.th     
www.bmw-motorrad.co.th      

 

สื่อมวลชนติดต่อ  บริษัท คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ 
สุธาทิพย์ บุญแสง (08-7685-1695 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 102) 
ธรธวัช ทองแนบ (08-3225-4567 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 206) 
ปวริศา ธนวจีรัณ (08-6564-4726 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 125)    
นภสร ศรีวรรณวิทย์ (08-5862-7676 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 212)
sboonsaeng@carlbyoir.com, tthongnab@carlbyoir.com, pthanwajeran@carlbyoir.com, nsriwannavit@carlbyoir.com

อ่านเพิ่มเติม