ข่าวประชาสัมพันธ์ | 2563.08.03

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ร่วมด้วย เดอะ ฟิฟท์ อีลีเม้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล พันธมิตรในโครงการ ChargeNow จับมือ ดิ เอ็มโพเรี่ยม ดิ เอ็มควอเทียร์ ขยายเครือข่ายหัวจ่ายอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะใจกลางกรุงเทพฯ

พันธมิตรในโครงการ ChargeNow ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย นำโดย มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา (กลาง) ประธาน และ บริษัท เดอะ ฟิฟท์ อีลีเม้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด นำโดย คุณสุวัจชัย พรสุวรรณสิริ (ซ้าย) กรรมการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ ร่วมมือกับ ดิ เอ็มโพเรี่ยม ดิ เอ็มควอเทียร์ นำโดย คุณสุธาวดี ศิริธนชัย (ขวา) รองกรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ ติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม และ ดิ เอ็มควอเทียร์

 

กรุงเทพฯ. พันธมิตรในโครงการ ChargeNow ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และบริษัท เดอะ ฟิฟท์ อีลีเม้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จับมือ ดิ เอ็มโพเรี่ยม ดิ เอ็มควอเทียร์ เพื่อขยายเครือข่ายการให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดไม่จำกัดรุ่นเพิ่มเติมถึง 12 หัวจ่าย ณ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ พร้อมให้บริการอัดประจุไฟฟ้าฟรี ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 1 กันยายน 2563 โดยการขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าภายในตัวเมืองกรุงเทพฯ ตามเป้าหมายของโครงการ ChargeNow ที่มุ่งเดินหน้าขยายเครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้า พร้อมสานต่อการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างยั่งยืน

 

มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “เรามีความมุ่งมั่นในการเป็นผู้บุกเบิกด้านยานยนต์ไฟฟ้าและความยั่งยืนเสมอมา โดยได้ผลักดันแนวคิดเกี่ยวกับยานยนต์แห่งอนาคตที่ผสานความเพลิดเพลินในการขับขี่ ควบคู่กับเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การขยายเครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ ณ ดิ เอ็มโพเรี่ยม ดิ เอ็มควอเทียร์ ในครั้งนี้ จะช่วยให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าไม่ว่าจะรุ่นใดก็ตาม สามารถเข้าถึงหัวจ่ายสาธารณะในบริเวณใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการต่อยอดพัฒนาและส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย การเปิดตัวบีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive30e M Sport รถยนต์ PHEV รุ่นใหม่ล่าสุดของเรา ทำให้บีเอ็มดับเบิลยูพร้อมมอบทางเลือกยานยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลายที่สุด ด้วยรถยนต์ PHEV และ BEV สูงที่สุดในตลาดถึง 9 รุ่น ส่วนการสนับสนุนการขยายเครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ ChargeNow ทั่วประเทศนี้ ก็นับเป็นอีกหนึ่งแผนงานที่ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการส่งเสริมอนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยรองรับรถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นและทุกแบรนด์”

 

คุณสุธาวดี ศิริธนชัย รองกรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์ กล่าวว่า “ในปัจจุบันความนิยมในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด กำลังมีแนวโน้มที่สูงขึ้นในประเทศไทย ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม ดิ เอ็มควอเทียร์ หนึ่งในศูนย์การค้าชั้นนำของประเทศไทย จึงมีแนวคิดในการร่วมส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ โดยร่วมมือกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และ เดอะ ฟิฟท์ อีลีเม้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล อำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการทั้ง 2 ศูนย์การค้า ด้วยการเปิดให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดไม่จำกัดรุ่นเพิ่มเติมถึง 12 หัวจ่าย ซึ่งลูกค้าที่มาใช้บริการจะมั่นใจได้ว่าได้รับบริการที่มีคุณภาพ และได้มาตรฐานในระดับสากล ตอบรับกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบถ้วน”

 

คุณสุวัจชัย พรสุวรรณสิริ กรรมการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท เดอะ ฟิฟท์ อีลีเม้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า “ในฐานะหนึ่งในผู้ให้บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด เรามุ่งส่งมอบเทคโนโลยีอัดประจุไฟฟ้าให้กับลูกค้าชาวไทย โดยหัวจ่ายสาธารณะใหม่ทั้ง 12 หัวจ่าย ซึ่งแบ่งเป็น 6 หัวจ่ายภายในศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และอีก 6 หัวจ่ายภายในศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์ ล้วนแต่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานยุโรป และสามารถใช้งานร่วมกับรถยนต์ EV และ PHEV ได้ทุกแบรนด์ ลูกค้าจึงสามารถใช้เวลาพักผ่อนในศูนย์การค้าได้อย่างไร้กังวล และวางใจได้ว่ารถยนต์จะได้รับการอัดประจุไฟฟ้าอย่างเหมาะสมสำหรับการเดินทางครั้งต่อไป”

 

ทั้งนี้ เครือข่ายสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ ChargeNow เป็นโครงการภายใต้ความร่วมมือระหว่างบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และพาร์ทเนอร์ต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงบริษัท เดอะ ฟิฟท์ อีลีเม้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งได้ริเริ่มขึ้นเมื่อปี 2560 เพื่อร่วมขับเคลื่อนการเตรียมความพร้อมระบบสาธารณูปโภคของประเทศไทยสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าอย่างยั่งยืน โดยได้เดินหน้าขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าในตลาดที่เพิ่มมากขึ้น

 

ปัจจุบัน สถานี ChargeNow มีให้บริการทั้งหมด 141 หัวจ่ายใน 63 สถานีทั่วประเทศไทย แบ่งเป็นสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ ChargeNow 91 หัวจ่าย และผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของบีเอ็มดับเบิลยู 50 หัวจ่าย พร้อมวางแผนขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าสาธารณะ ChargeNow ให้ครบ 100 หัวจ่ายภายในสิ้นปี 2563 นี้ ซึ่งเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าสามารถใช้บริการ ChargeNow ได้อย่างสะดวกสบายไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ยี่ห้อใด ได้ณ ศูนย์การค้าและโรงแรมชั้นนำทั่วกรุงเทพฯ รวมถึงเมืองใหญ่ในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย

อ่านเพิ่มเติม

 

ในภาพจากซ้าย:

  1. คุณสุวัจชัย พรสุวรรณสิริ กรรมการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ
    บริษัท เดอะ ฟิฟท์ อีลีเม้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
  2. มร. อเล็กซานเดอร์ บารากา ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
  3. คุณอมรินทร์ ประจุศิลป์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะ ฟิฟท์ อีลีเม้นท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
  4. คุณสุธาวดี ศิริธนชัย รองกรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรี่ยม และ ดิ เอ็มควอเทียร์
  5. คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิต 31 แห่งใน 15 ประเทศ อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก

 

ในปี พ.ศ. 2562 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์กว่า 2.5 ล้านคัน เพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนหน้า 1.2% และมอเตอร์ไซค์ 175,000 คันทั่วโลก เพิ่มขึ้น 5.8% จากปีก่อนหน้า กลุ่มรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) และรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (BEV) เติบโตขึ้น 2.2% จากยอดการส่งมอบ 145,815 คันในปีที่ผ่านมา โดยมียอดส่งมอบทั้งหมดจนถึงปี 2562 รวมแล้วกว่า 500,000 คันทั่วโลก โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 133,778 คนทั่วโลก

 

ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย

 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2541 ประกอบด้วยสามบริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล

 

ในปี 2562 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยสถิติส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิจำนวน 12,954 คัน โดยมินิ ประเทศไทยได้สร้างสถิติยอดการเติบโตที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดมินิทั่วโลก ด้วยยอดส่งมอบรถยนต์ 1,204 คัน เพิ่มขึ้นถึง 15% จากปีก่อนหน้า ส่วนเซกเมนต์รถหรู ที่ขับเคลื่อนด้วยยอดขายจากบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 8 บีเอ็มดับเบิลยู X7 และบีเอ็มดับเบิลยู i8 เติบโตโดยรวมที่ 39% เมื่อเทียบปีต่อปี ขณะที่รถยนต์ที่ผ่านการใช้งานแล้วภายใต้โปรแกรม BMW Premium Selection มีอัตราการเติบโตที่ 16% เมื่อเทียบปีต่อปี

 

ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนู
แฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมานอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 31 แห่ง ใน 15 ประเทศทั่วโลก

 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์รุ่นต่างๆ ทั้งหมด 17 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 Gran Turismo บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 บีเอ็มดับเบิลยู X3 และ
บีเอ็มดับเบิลยู X5 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 900 R บีเอ็มดับเบิลยู F 900 XR บีเอ็มดับเบิลยู F750 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR และ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 4 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู 530e บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive45e และบีเอ็มดับเบิลยู 745Le xDrive 

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
1397
www.bmw.co.th     
www.mini.co.th     
www.bmw-motorrad.co.th      

 

สื่อมวลชนติดต่อ  บริษัท คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์
สุธาทิพย์ บุญแสง (08-7685-1695 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 102)
ธรธวัช ทองแนบ (08-3225-4567 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 206)
ปวริศา ธนวจีรัณ (08-6564-4726 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 125) 
พิชานัน ทูลกำธรชัย (08-5157-7557 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 101) 
sboonsaeng@carlbyoir.com, tthongnab@carlbyoir.com, pthanwajeran@carlbyoir.com, ptoonkamthornchai@carlbyoir.com

อ่านเพิ่มเติม