BMW MotoGP Safety Car Fleet
ข่าวประชาสัมพันธ์ | 2562.09.27

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เผยโฉมรถยนต์เซฟตี้คาร์ นำทัพโดย บีเอ็มดับเบิลยู M8 MotoGP เตรียมมุ่งหน้าสู่การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ ระดับโลก ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ดร. ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (ที่ 2 จากซ้าย) ร่วมแสดงความยินดีกับ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย นำโดย มร. คริสเตียน แซมลาวสกี้ ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย (ซ้าย) และคุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย (ที่ 2 จากขวา) พร้อมด้วยคุณศรัณย์ อรรถเวทยวรวุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ จำกัด (ขวา) ในโอกาสการเผยโฉมทัพเซฟตี้คาร์และเซฟตี้ไบค์ที่จะรับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยในการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2019 ในประเทศไทย

 

กรุงเทพฯ. บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย พร้อมเติมสีสันสุดตื่นตาในศึกมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี 2019 ด้วยทัพรถยนต์เซฟตี้คาร์สำหรับการแข่งขัน ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคมนี้ ณ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ โดยมีรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M8 บีเอ็มดับเบิลยู M5 และมอเตอร์ไซค์ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ร่วมนำขบวน สานต่อความร่วมมือระหว่างบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บีเอ็มดับเบิลยู M และดอร์นา สปอร์ต ผู้จัดการแข่งขันโมโตจีพี ในการจัดทัพยานยนต์สมรรถนะสูงเพื่อรับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและความเรียบร้อยบนสนามแข่งโมโตจีพีเป็นฤดูกาลที่ 21 ติดต่อกัน

 

ไฮไลท์ล่าสุดของทัพรถยนต์เซฟตี้คาร์ในรายการ โมโตจีพี 2019 คือรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M8 MotoGP Safety Car ซึ่งบีเอ็มดับเบิลยู M8 นั้น ได้เผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรกไปในงาน BMW Group #NextGen งานแถลงวิสัยทัศน์ของประจำปีของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ณ BMW Welt ในเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บีเอ็มดับเบิลยู M8 MotoGP Safety Car คันนี้ พกสมรรถนะขั้นสูงมาอย่างเต็มเปี่ยมในฐานะรถนำขบวนเซฟตี้คาร์ พัฒนาต่อยอดจากบีเอ็มดับเบิลยู M8 Competition ด้วยขุมพลัง BMW TwinPower Turbo V8 แบบรอบสูง ส่งกำลังสูงสุดที่ 460 กิโลวัตต์/625 แรงม้า ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ M Steptronic พร้อม Drivelogic ทั้งยังคล่องตัวด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อบีเอ็มดับเบิลยู M xDrive และระบบเบรกสุดพิเศษที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับบีเอ็มดับเบิลยู M โดยเฉพาะ ทั้งหมดนี้ช่วยให้บีเอ็มดับเบิลยู M8 MotoGP Safety Car สามารถเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 3.2 วินาทีเท่านั้น

 

การเปลี่ยนรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M8 ให้กลายเป็นรถยนต์เซฟตี้คาร์เต็มรูปแบบนั้น เป็นกระบวนการที่ต้องใช้งานฝีมือชั้นเลิศจากช่างผู้เชี่ยวชาญที่โรงงาน BMW M Manufaktur จากเมืองการ์คิง (Garching) ในประเทศเยอรมนี ด้วยชุดแต่งเต็มรูปแบบจาก BMW M Performance ที่ไม่เพียงมอบรูปลักษณ์ทรงสปอร์ตอันดุดันให้กับเซฟตี้คาร์คันนี้เท่านั้น แต่ยังเติมเต็มทุกโจทย์เชิงสมรรถนะด้วยรูปทรงโฉบเฉี่ยวตามหลักอากาศพลศาสตร์ ระบบทำความเย็นชั้นยอด และโครงสร้างตัวถังที่มีน้ำหนักเบาพิเศษ รถยนต์เซฟตี้คาร์ บีเอ็มดับเบิลยู M8 มาพร้อมไฟไซเรน LED ซึ่งติดตั้งบนหลังคาที่ผลิตจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) ส่วนกระจังหน้า โดดเด่นสะดุดตาด้วยขอบสีแดง ตัดกับสปอยเลอร์หน้าสีดำสนิท ขณะที่บริเวณไฟหน้า ยังมีไฟแฟลช LED ติดตั้งมาคู่กับไฟหน้าดวงหลักในทรงวงแหวนโคโรนา (corona rings) นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู M8 MotoGP Safety Car ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษมากมายสำหรับสนามแข่ง และอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยสุดครบครัน เพื่อให้มีสมรรถนะสูงสุด สมบทบาทในฐานะรถยนต์เซฟตี้คาร์ ส่วนเบาะที่นั่ง RECARO ที่มาพร้อมเข็มขัดนิรภัย Schroth นั้นก็ได้ผสานความสะดวกสบายเข้ากับความปลอดภัยไว้ได้อย่างลงตัว เพื่อความปลอดภัยในสนามแข่งที่เหนือชั้น

 

สำหรับการแข่งขันโมโตจีพีในฤดูกาลนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้ส่งรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูสมรรถนะสูงจากตระกูล M ลงร่วมทัพรถยนต์ดูแลด้านความปลอดภัยและบริการด้านการแพทย์ถึง 8 รุ่น ได้แก่รถยนต์เซฟตี้คาร์ บีเอ็มดับเบิลยู M2 บีเอ็มดับเบิลยู M5 บีเอ็มดับเบิลยู M8 บีเอ็มดับเบิลยู M3 บีเอ็มดับเบิลยู M4 Coupe และบีเอ็มดับเบิลยู M6 พร้อมด้วยรถยนต์เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย BMW M5 รถยนต์บริการด้านการแพทย์ BMW X5 M และมอเตอร์ไซค์เซฟตี้ไบค์จากบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราดอีก 1 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR

อ่านเพิ่มเติม
มร. คริสเตียน แซมลาวสกี้ ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย (ซ้าย) คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย (ที่ 2 จากขวา) ดร. ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (ที่ 2 จากซ้าย) คุณศรัณย์ อรรถเวทยวรวุฒิ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท มิลเลนเนียม ออโต้ จำกัด (ขวา)
ดร. ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย
มร. คริสเตียน แซมลาวสกี้ ผู้อำนวยการ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย
คุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M8 MotoGP Safety Car

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิต 31 แห่งใน 15 ประเทศ อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก

 

ในปี พ.ศ. 2561 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์ 2,490,000 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 165,000 คันทั่วโลก กำไรสุทธิในปีงบประมาณ 2560 ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป อยู่ที่ 10.655 พันล้านยูโร จากรายได้รวมทั้งหมด 98.678 พันล้านยูโร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2560 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 129,932 คนทั่วโลก

 

ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย

 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2541 ประกอบด้วย สามบริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล

 

ในปี 2561 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สร้างสถิติความสำเร็จเป็นประวัติการณ์ด้วยยอดส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูได้เป็นสถิติใหม่ที่ 12,036 คัน ซึ่งสูงกว่าปีก่อนหน้าถึง 20% และยังนับเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในเครือข่ายของบีเอ็มดับเบิลยูทั่วโลกเป็นปีที่สองติดต่อกัน ส่วนยอดการส่งมอบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดในประเทศไทยก็เพิ่มสูงขึ้นถึง 122% ขณะที่มินิและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด มียอดการส่งมอบรถตลอดปีสูงเป็นสถิติใหม่เช่นกันที่ 1,051 คัน (เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า) และ 2,154 คัน (เพิ่มขึ้น 8%) ตามลำดับ

 

ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมานอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 31 แห่ง ใน 15 ประเทศทั่วโลก

 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์รุ่นต่างๆ ทั้งหมด 13 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 Gran Turismo บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 และบีเอ็มดับเบิลยู X3 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 750 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1250 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR และ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 2 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 530e และบีเอ็มดับเบิลยู 740Le

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
1-800-269-269

www.bmw.co.th
www.mini.co.th
www.bmw-motorrad.co.th

 

สื่อมวลชนติดต่อ บริษัท คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์
สุธาทิพย์ บุญแสง (08-7685-1695 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 102)
ธรธวัช ทองแนบ (08-3225-4567 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 206)
พิชานัน ทูลกำธรชัย (08-5157-7557 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 101)
นลินุตม์ ศิริสมบัติ (08-6977-7881 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 155)
sboonsaeng@carlbyoir.com, tthongnab@carlbyoir.com, ptoonkamthornchai@carlbyoir.com, nsirisombut@carlbyoir.com

อ่านเพิ่มเติม