บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เดินหน้าสู่นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต เริ่มการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูงในประเทศไทย
ข่าวประชาสัมพันธ์ | 2561.11.29

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เดินหน้าสู่นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคต เริ่มการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูงในประเทศไทย

ในภาพจากซ้าย คุณโอภาส นพพรพิทักษ์ ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย, มร. แกร์ฮาร์ด แอร์เนสแบร์เกอร์ ผู้อำนวยการโรงงาน แดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป ประเทศไทย, มร. โยฮันน์ สเตรเบิล หัวหน้าฝ่ายประสานงานการผลิตภายในประเทศ แดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป, มร.ปีเตอร์ ชเมลทซ์ ผู้อำนวยการโปรแกรม IS แดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป, มร. คริสเตียน วิดมานน์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย, มร. อูเว่ ควาส กรรมการผู้จัดการ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย, มร. คาร์สเตน มูลเลอร์-ดีเทอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายจัดซื้อ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย และคุณกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
 

อ่านเพิ่มเติม

กรุงเทพฯ. บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สานต่อวิสัยทัศน์แห่งความยั่งยืนสู่อนาคตของการขับขี่ด้วยยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้า ประกาศเริ่มต้นการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูงในประเทศไทย ทั้งในส่วนของการประกอบโมดูลแบตเตอรี่และการประกอบตัวแบตเตอรี่ โดยจะเริ่มต้นสายการประกอบในปี พ.ศ. 2562 ณ โรงงานในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ชลบุรี 2 ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ได้ปูรากฐานอันแข็งแกร่งเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูงในประเทศไทย ด้วยการจัดโปรแกรมอบรมและพัฒนาบุคลากรเพื่อการนี้โดยเฉพาะ นับตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2561 เป็นต้นมา ภายใต้ความร่วมมือกับแดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป ผู้นำด้านการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ระดับโลก ซึ่งเป็นพันธมิตรกับบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2509

 

มร. คริสเตียน วิดมานน์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “เราตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เดินหน้าสู่อีกก้าวแห่งความสำเร็จครั้งใหญ่ในการเติมเต็มกลยุทธ์ยานยนต์ไฟฟ้าของเรา การเริ่มต้นประกอบแบตเตอรี่ในประเทศไทย จะเป็นส่วนสำคัญให้เราสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดในตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของภูมิภาคอาเซียน นอกจากนี้ ยังถือเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่โรงงานในจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการประกอบรถยนต์ในภูมิภาคนี้ โดยในปัจจุบันโรงงานของเรามีความสามารถในการประกอบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดถึง 4 รุ่น และการผลิดแบตเตอรี่ในประเทศไทย จะช่วยส่งเสริมสายการประกอบยนตรกรรมของเราให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

 

นอกจากมอเตอร์ไฟฟ้าแล้ว แบตเตอรี่แรงดันสูงเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ประเภทไฮบริดหรือรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ ทั้งยังเป็นชิ้นส่วนที่มีความซับซ้อนและต้องใช้ทักษะเฉพาะด้านในการผลิต โดยบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย และแดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป ได้ร่วมกันวางรากฐานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับงานประกอบชิ้นส่วนที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย ภายใต้ความร่วมมือครั้งสำคัญนี้เพื่อนำเอาทักษะความเชี่ยวชาญดังกล่าวมาถ่ายทอดสู่บุคลากรในประเทศไทย

 

มร. แกร์ฮาร์ด แอร์เนสแบร์เกอร์ ผู้อำนวยการโรงงาน แดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในก้าวแรกของการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูงให้กับบีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย โดยขณะนี้ แดร็คเซิลไมเออร์ได้ดำเนินการให้ทีมงานจำนวน 2 ทีมจากทั้งประเทศเยอรมนีและประเทศไทยได้ทำงานร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนความร่วมมือนี้ไปสู่ความสำเร็จด้านการผลิตในขั้นต่อไป”

 

นับตั้งแต่เดือนกันยายน พ.ศ. 2561 บุคลากรจากแดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ป ได้เข้าร่วมโปรแกรมอบรมและพัฒนาบุคลากรเพื่อการประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูง ณ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปในเมืองดิงกอลฟิง และโรงงานนำร่องการผลิตระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า เพื่อถ่ายทอดทักษะความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย เช่น การเชื่อมด้วยเลเซอร์ การเตรียมพื้นผิววัสดุด้วยพลาสมา วิทยาการหุ่นยนต์ กระบวนการยึดติด การตรวจสอบคุณภาพชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อัตโนมัติ (AOI) การตรวจสอบการทำงานของระบบไฟฟ้า และการตรวจสอบคุณภาพเมื่อสิ้นสุดสายการผลิต นอกจากนี้ โปรแกรมการอบรมดังกล่าวยังครอบคลุมทักษะในการทำงานกับกระบวนการผลิตอัตโนมัติ ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญในการประกอบโมดูลแบตเตอรี่ รวมถึงการตรวจสอบคุณภาพโดยรวม การออกแบบกระบวนการและเทคโนโลยีการผลิต การปรับปรุงแก้ไขคุณภาพ และการวิเคราะห์กระบวนการผลิต

 

เมื่อเสร็จสิ้นการเรียนรู้และเสริมสร้างความเชี่ยวชาญด้านการประกอบแบตเตอรี่แล้ว บุคลากรที่ผ่านการอบรมข้างต้นจะได้มีโอกาสทำงานกับชิ้นส่วนอย่างเซลล์แบตเตอรี่ที่นำเข้าจากผู้ผลิตในภูมิภาคเอเชีย พร้อมด้วยชิ้นส่วนแบตเตอรี่นำเข้าอีกมากมาย ทั้ง โครงอะลูมิเนียม ระบบวงจรอิเล็กทรอนิกส์และสายไฟ เพื่อประกอบแบตเตอรี่แรงดันสูงที่ได้มาตรฐานระดับโลกของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป และเป็นไปตามข้อกำหนดด้านการใช้ชิ้นส่วนจากผู้ผลิตในประเทศของประเทศไทย เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการประกอบแล้ว แบตเตอรี่แรงดันสูงดังกล่าวจะถูกส่งไปยังโรงงานบีเอ็มดับเบิลยูที่ระยอง เพื่อนำไปติดตั้งในรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดในตระกูล บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 และบีเอ็มดับเบิลยู X5 โดยจะเริ่มต้นเฟสแรกตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไป

 

“เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการประกอบในประเทศไทยสอดคล้องกับมาตรฐานคุณภาพระดับโลกของ
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ผู้เชี่ยวชาญจากบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มิวนิค จะเดินทางมาร่วมวางรากฐานกระบวนการประกอบที่โรงงานแห่งใหม่ของแดร็คเซิลไมเออร์ กรุ๊ปในช่วงแรกของการประกอบ โดยเราวางแผนที่จะลงทุนกว่า 400 ล้านบาทกับความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อสร้างหลักชัยแห่งนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย และในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) สำหรับการลงทุนประกอบรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดมูลค่ากว่า 700 ล้านบาท” มร. คริสเตียน กล่าวเสริม
 

อ่านเพิ่มเติม

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป

 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก เราผลิตและจำหน่ายรถยนต์ภายใต้แบรนด์บีเอ็มดับเบิลยู, มินิ, โรลส์-รอยซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด โดยมีเครือข่ายการผลิต 30 แห่งใน 14 ประเทศ อีกทั้งยังมีเครือข่ายผู้จำหน่ายและบริการมากกว่า 140 ประเทศทั่วโลก

 

ในปี พ.ศ. 2560 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มียอดขายรถยนต์ 2,463,500 ล้านคัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 164,000 คันทั่วโลก ณ วันที่
31 ธันวาคม 2559 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป มีพนักงานทั้งหมด 124,729 คนทั่วโลก

 

ความสำเร็จของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ปได้รับการขับเคลื่อนจากพลังแห่งวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยี สร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม และให้บริการกับลูกค้าอย่างดีที่สุด นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ในทุกผลิตภัณฑ์และในทุกขั้นตอนการผลิตอีกด้วย

 

 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย

 

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2541 ประกอบด้วย สามบริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล

 

ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2561 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย สร้างสถิติความสำเร็จเป็นประวัติการณ์ด้วยยอดส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูและมินิ จำนวน 9,842 คัน ซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 18% และรถยนต์ในตระกูลปลั๊กอินไฮบริด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู 530e บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู 740Le บีเอ็มดับเบิลยู i8 Coupe และ i8 Roadster ทำลายสถิติที่ด้วยอัตราการเติบโตที่ 122% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ก็ประสบความสำเร็จด้วยยอดส่งมอบรถมอเตอร์ไซค์รวม 1,573 คัน เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

 

ในด้านการผลิต โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียนที่ผ่านมานอกจากนี้ โรงงานบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 30 แห่ง ใน 14 ประเทศทั่วโลก

 

ณ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2561 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถประกอบรถยนต์รุ่นต่างๆ ทั้งหมด 13 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 Gran Turismo บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 บีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 บีเอ็มดับเบิลยู X1 และบีเอ็มดับเบิลยู X3 สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู F 850 GS บีเอ็มดับเบิลยู F 750 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Adventure บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR และ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทยยังขยายสายการประกอบรถยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด 4 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 330e บีเอ็มดับเบิลยู 530e บีเอ็มดับเบิลยู X5 xDrive40e M Sport และบีเอ็มดับเบิลยู 740Le

 

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
1-800-269-269

www.bmw.co.th
www.mini.co.th
www.bmw-motorrad.co.th

 

สื่อมวลชนติดต่อ บริษัท คาร์ลบายร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์
สุธาทิพย์ บุญแสง (08-7685-1695 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 102)
ธรธวัช ทองแนบ (08-3225-4567 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 206)
พิชานัน ทูลกำธรชัย (08-5157-7557 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 101)
นลินุตม์ ศิริสมบัติ (08-6977-7881 หรือ 0-2627-3501 ต่อ 155)
sboonsaeng@carlbyoir.com, tthongnab@carlbyoir.com, ptoonkamthornchai@carlbyoir.com, nsirisombut@carlbyoir.com

อ่านเพิ่มเติม