เครื่องมือจัดการการอนุญาตของคุณให้ใช้คุกกี้ของเรากำลังออฟไลน์ชั่วคราว การทำงานบางอย่างที่ต้องใช้คำยินยอมให้ใช้คุกกี้อาจหายไป
Highlight | 2563.12.01
THE NEW BMW 430i COUPÉ M SPORT
แต่ไหนแต่ไรมา BMW 3 Series แบบสองประตูทั้ง Coupé และ Convertible เป็นรถที่มักจะได้รับความนิยมจากคนทั่วโลก และมีราคาค่าตัวลอยค้างฟ้าแทบจะทุกรุ่น ในปี 2014 BMW จึงตัดสินใจสร้าง 4 Series ออกมาเป็นอนุกรมใหม่ เพื่อทำให้รถสปอร์ตคูเป้ที่มีแต่คนหลงรักได้มีจุดยืนของตัวเองอย่างสมศักดิ์ศรีเสียที มันจึงไม่ต้องเป็นรุ่นย่อยของ 3 Series ตามขนบธรรมเนียมของแบรนด์ในอดีตอีกต่อไป และด้วยการนี้มันจึงสามารถถูกออกแบบให้แตกต่างจากรุ่นซีดาน และสอดคล้องกับความเป็นรถสปอร์ตคูเป้อย่างเต็มที่ เวลาผ่านไป 6 ปีนับจาก BMW 4 Series รุ่นแรกเปิดตัว BMW คิดว่านี่คือช่วงเวลาที่พวกเขาจะต้องส่งไม้ให้กับ BMW 4 Series ใหม่กันแล้ว พวกเขาจึงเริ่มเปิดตำราย้อนกลับไปไกลถึงปี 1931 เพื่อหาจุดตั้งต้นของ BMW คูเป้มาใช้เป็นแรงบันดาลใจ
ในยุค 1930s BMW มีรถสองประตูอย่าง BMW 3/15 PS DA4 ซึ่งคูเป้ยังเป็นรถรูปแบบใหม่ในตอนนั้น มันสามารถก่อกระแสฮิตในคนเล่นรถกลุ่มเล็กๆ ขึ้นมาได้ จากนั้น BMW 327/328 Coupé ที่ออกมาทดแทนในปี 1938 ก็พากระแสความนิยมดังเปรี้ยงปร้างไปในลูกค้าวงกว้าง นับตั้งแต่นั้นมา BMW ก็ทะยอยสร้างรถคูเป้ออกมาขายอย่างไม่ขาดสาย ทั้ง BMW 502 Coupé, BMW 503 Coupé, BMW 3200 CS Coupé, BMW 2000 CS, BMW 2800 CS มาจนกระทั่ง BMW 3.0 CSL ที่สร้างชื่อในสนามแข่งกับฉายาต่อท้ายว่า “Batmobil” ในปี 1974 ถ้าลองดูให้ดีก็จะพบว่ารถพวกนี้มีกระจังหน้าไตคู่ที่ยาวจากขอบฝากระโปรงลงไปจนเกือบถึงชายล่างของกันชนหน้าแทบทุกรุ่นจนน่าจะเรียกว่า “เอกลักษณ์” ได้ไม่ต่างจากกรอบหน้าต่างเสา C “Holfmeister Kink” ที่แฟน BMW ทุกคนรู้จักสักนิด ผลลัพธ์ที่ได้คือ BMW 4 Series รุ่นล่าสุดที่มีดีไซน์ฉีกออกจากรถรุ่นเดิมและ BMW 3 Series แฝดต่างฝาของมันอย่างสุดขั้ว
มันมีกระจังหน้าโดดเด่นที่สุดใน BMW ยุคปัจจุบัน ซึ่งนอกจากจะเชื่อมโยงสายสัมพันธ์กลับไปถึงจุดตั้งต้นของรถคูเป้ได้แล้ว ก็ยังสื่อถึงปริมาณอากาศที่เครื่องยนต์ทรงพลังที่อยู่ด้านหลังมันต้องการด้วย ทีมออกแบบมองว่ามันจะช่วยเน้นบุคลิกความสปอร์ตให้เด่นชัดออกมามากขึ้น และทำให้ BMW 4 Series มีบุคลิกที่แตกต่างจาก BMW 3 Series อย่างชัดเจน ตัวกระจังส่วนบนถูกวางให้ยื่นออกมาด้านหน้าเล็กน้อย เพื่อรองรับกับแนวเส้นบนฝากระโปรงที่ดีไซน์ออกมาคล้ายลูกศรที่กำลังชี้ไปทางด้านหน้ารถ และมีโลโก้ BMW ติดอยู่ตรงกลางหัวลูกศรพอดี กรอบกระจังหน้าไตคู่ส่วนตรงกลางเชื่อมต่อเข้าหากันเป็นชิ้นเดียว และมีขนาดหนากว่ากรอบส่วนอื่นๆ ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับ BMW 328 Coupé และ BMW 3.0 CSi ในอดีต ในขณะที่รูปทรงของกระจังได้รับการขัดเกลาโดยเก็บเหลี่ยมมุมเอาไว้เล็กน้อยตามแบบฉบับของรถในยุค 2020s กันชนหน้ามีช่อง Air Curtains แนวตั้งที่มุมทั้งซ้ายและขวา ซึ่งช่วยทำให้ตัวรถดูกว้างขวางมากขึ้น
ด้านข้างยังคงเส้นสายที่ลื่นไหลตามแบบฉบับ BMW คูเป้ที่ทุกคนชื่นชอบ โป่งล้อด้านหน้าถูกดึงให้โค้งนูนมากขึ้นแต่ลดพื้นที่บริเวณเหนือล้อให้มากที่สุดเพื่อให้รถดูคล่องแคล่ว ในขณะที่โป่งล้อหลังที่โค้งยื่นออกมาอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนอกจากจะทำให้แนวช่วงไหล่ของรถดูมีมัดกล้ามมากขึ้นแล้ว มันยังมีหน้าที่ปกคลุมล้อหลังที่ความกว้างฐานล้อมากกว่า BMW 3 Series อยู่ 23 มิลลิเมตร กับล้ออัลลอยน้ำหนักเบา M ลาย Double spoke ขนาด 19 นิ้วด้วย ไฟท้ายเป็น Full LED แบบ L-shape ซึ่งถูกยืดให้ยาวมาใกล้ซุ้มล้อหลังของตัวรถ ส่วนมุมกันชนหลังมีช่องระบายอากาศแนวตั้งเช่นเดียวกัน เพื่อให้สอดรับกับ Air Curtains ในด้านหน้า ปิดท้ายด้วยท่อไอเสียห้าเหลี่ยมที่ออกสองฝั่งสำหรับการตกแต่งแบบ M Sport
เปิดประตูเข้ามาภายในของ BMW 4 Series จะพบเจอดีไซน์ที่ใช้ร่วมกับ BMW 3 Series ที่คุ้นเคย เบาะนั่งแบบสปอร์ตสำหรับรุ่น BMW 430i Coupé M Sport ที่จำหน่ายในประเทศไทยจะหุ้มด้วยหนัง Vernasca ซึ่งมีให้เลือก 2 สี คือ น้ำตาลส้ม Cognac และแดง Tacora ขึ้นอยู่กับสีตัวถังภายนอก มันยังมาพร้อมกับฟีเจอร์แขนกลยื่นเข็มขัดนิรภัยมาให้ เพื่อที่คนขับและคนนั่งจะได้ไม่ต้องเอี้ยวตัวไปดึงสายเข็มขัดที่เก็บอยู่ไกลลิบจนดูเก้ๆ กังๆ แผงหน้าปัดมาพร้อมจอแสดงผลกลางและมาตรวัด BMW Live Cockpit Professional ถูกประดับด้วยอลูมิเนียมลายห้าเหลี่ยมที่ดูทันสมัย และไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ด้านบนเหนือศีรษะขึ้นไป ซึ่งเป็นหลังคาแก้วที่เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าเพื่อให้ห้องโดยสารดูโปร่งสบายตายิ่งขึ้น
พูดถึงรถสปอร์ตคูเป้ทั้งที หากไม่พูดถึงขุมพลังกันเลยก็คงจะเป็นเรื่องแปลก BMW 430i Coupé M Sport ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร ที่ถูกอัพเกรดชิ้นส่วนมาแทบทุกจุด พ่วงเทอร์โบแบบ Multistage จนมีพละกำลังเพิ่มขึ้นเป็น 258 แรงม้า กับแรงบิด 400 นิวมันเมตร เมื่อประกบเข้ากับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ Steptronic จะสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ใน 5.8 วินาที กับความเร็วสูงสุดที่ล็อคไว้ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทั้งหมดนี้จะถูกปรามให้เชื่องมือคนขับด้วยชิ้นส่วนแอโรไดนามิกส์ สัดส่วนตัวรถ และความแข็งแกร่งของโครงสร้างที่เหนือกว่า BMW 3 Series รวมถึงตำแหน่งจุดศูนย์ถ่วงที่อยู่ต่ำลงไปอีก 23 มิลลิเมตร ซึ่งทำให้ตัวถังมีอาการโคลงน้อยลงเวลาอยู่ในโค้ง และทำให้ BMW 4 Series เกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับตอนเปิดตัวในประเทศไทย จะมีจำหน่ายเพียงรุ่นย่อยเดียวก่อนอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นคือ BMW 430i Coupé M Sport สนนราคา 3,969,000 บาท (ราคาพร้อมแพ็คเกจ BSI Standard ฟรีค่าบำรุงรักษา 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร) แฟน BMW คนไหนอยากไปสัมผัสตัวจริง หรือเตรียมจะเป็นเจ้าของรถที่ฉีกดีไซน์แห่งยุค สามารถติดต่อโชว์รูมอย่างเป็นทางการใกล้บ้านได้แล้ววันนี้
มันเป็นเรื่องธรรมดาที่การเปลี่ยนแปลงจะต้องเจอกับทั้งการยอมรับและการต่อต้าน แต่หากวัตถุประสงค์การมีอยู่ของ BMW 4 Series คือการเป็นรถที่แตกต่างจาก BMW 3 Series อย่างชัดเจน BMW 4 Series รุ่นปัจจุบันก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายไปอย่างแบบเกินคาด
ขอให้มีความสุขกับ BMW ทุกวันครับ