เครื่องมือจัดการการอนุญาตของคุณให้ใช้คุกกี้ของเรากำลังออฟไลน์ชั่วคราว การทำงานบางอย่างที่ต้องใช้คำยินยอมให้ใช้คุกกี้อาจหายไป
The New BMW X7
ถ้าคุณนิยามคำว่าหรูหราว่าคือความยิ่งใหญ่ โอ่โถง และโดดเด่น BMW X7 ย่อมเป็นหนึ่งในนิยามนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย และถ้าระดับความหรูหรานั้น คุณวัดมันด้วยขนาดของกระจังหน้า BMX X7 ก็ยังคงยืนอยู่ในลำดับท้อปสุดของตารางอยู่ดี มันคือสัญลักษณ์ที่ประกาศถึงบางสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกับการที่ Rolls-Royce Cullinan มีกระจังหน้าตั้งตระหง่านอย่างสง่างามนั่นล่ะครับ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามนี่ก็คือรถยนต์รุ่นสำคัญภายใต้กลยุทธ์ NUMBER ONE > NEXT ที่จะนำพาทั้งบริษัท รถยนต์ และลูกค้าของ BMW ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ
BMW X7 ยังเป็นคำตอบของ BMW ในยุคที่ผู้ผลิตรถยนต์ระดับพรีเมียมต่างหันมาสร้างรถ SUV เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าผู้รักและให้ความสำคัญกับกิจกรรมในครอบครัวอย่างมีสไตล์จนกลายมาเป็นวัฒนธรรมอย่างนึงของวงการรถยนต์ ซึ่งอันที่จริงแล้ว BMW ก็เป็นคนจุดกระแสนี้ขึ้นเองด้วยซ้ำเมื่อราว 20 ปีก่อน กับ BMW X5 รุ่นแรก พร้อมกับการตั้งชื่อชนิดของรถยนต์ประเภทนี้ว่า Sports Activity Vehicle หรือ SAV จากนั้น BMW X5 และ BMW X6 ก็ทำหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่นำพาทัพ BMW อนุกรม X มาเนิ่นนานจนวันนี้
BMW X7 มีขนาดตัวรถที่ยาวถึง 5.115 เมตร กว้างที่สุดถึง 2 เมตรเต็ม และสูง 1.805 เมตร ทำให้มันเป็น BMW อนุกรม X ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ BMW เคยสร้างมา ทีมสถาปนิกใช้แนวทางใหม่หมดในการออกแบบโดยเน้นเส้นสายที่บางและคมคาย จับคู่กับพื้นผิวที่เรียบเป็นแผ่นกว้าง ทำให้รู้สึกได้ถึงความทรงพลังและอำนาจ ด้านหน้าใช้กระจังหน้าขนาดใหญ่พิเศษ ขนาบข้างด้วยไฟหน้า LED มาตรฐานที่ส่องไกลได้ถึงระยะ 300 เมตร ส่วนด้านข้างมีจุดเด่นของการออกแบบอยู่ที่การใช้กระจกหน้าต่างบานใหญ่ แนวหลังคาที่เหยียดยาวอยู่ในระนาบเส้นตรง ความสูงของตัวรถจากพื้น และครีบระบายอากาศ Air Breather ขนาดใหญ่โตไม่แพ้กระจังหน้าที่ซุ้มล้อหน้า และล้ออัลลอยน้ำหนักเบาขนาด 21” เป็นมาตรฐาน
ไฟท้าย LED ทรงเรียววางตัวในแนวนอนมีหน้าตาคล้ายคลึงกับ BMW 7 Series เพื่อบ่งบอกว่านี่คือรถยนต์ระดับบนสุดของค่ายและมันยังช่วยทำให้ตัวรถดูผายกว้างขึ้นด้วย ฝาท้ายเป็นแบบเปิด Split Tailgate ที่แยกระหว่างบานกระจกที่เปิดขึ้นกับส่วนตัวถังที่เปิดลง เพิ่มความสะดวกในการหยิบหรือเก็บสัมภาระในบริเวณที่มีพื้นที่จำกัด BMW X7 ใช้ช่วงล่างถุงลมทั้งสี่ล้อเป็นมาตรฐาน ทำให้สามารถสั่งให้รถย่อช่วงล่างหลังลงได้ถึง 40 มิลลิเมตร เพื่อให้การยกของเข้าหรืออกจากห้องเก็บสัมภาระทำได้สะดวกขึ้น ข้อดีอีกอย่างก็คือสามารถปรับความสูงตัวรถได้เป็นช่วงกว้างถึง 80 มิลลิเมตร ด้วยการกดปุ่มที่อยู่บนคอนโซลกลางหรือสั่งการผ่าน BMW Display Key เพื่อให้ BMW X7 สามารถรับมือกับพื้นผิวได้แทบทุกรูปแบบ
ภายในห้องโดยสารออกแบบอย่างไม่มีการอ่อนข้อ โดยดีไซน์ส่วนใหญ่อ้างอิงมาจาก BMW 7 Series แต่เพิ่มความหรูหราเข้าไปอีกขั้น เบาะนั่งทั้งสามแถวหุ้มหนัง Vernasca มีขนาดที่ใช้โดยสารได้จริง และให้ความรู้สึกโปร่งสบายเท่าเทียมกันด้วยหลังคาแก้วพาโนรามิก Sky Lounge ครบทั้งสามตอน พร้อมหลอดไฟ LED เรืองแสงที่ฝังอยู่ในกระจกซึ่งสร้างกราฟฟิคแสงได้แตกต่างกันถึง 15,000 แบบ การปรับเบาะใช้ระบบไฟฟ้าทุกตำแหน่งที่นั่ง มีระบบ ISOFIX สำหรับติดตั้ง Car seat เด็กมาให้มากถึง 4 ตำแหน่ง ในเบาะแถวที่สองและสาม และหากพับเบาะลงทั้งหมดก็จะพื้นที่เก็บสัมภาระความจุสูงถึง 2,120 ลิตร
เรือนไมล์มาตรฐานเป็น BMW Live Cockpit Professional บนหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว พร้อมระบบ Head-up display เจนเนอเรชันที่สาม ซึ่งพัฒนาให้มีขนาดใหญ่และแสดงข้อมูลได้ครบถ้วนมากขึ้น ส่วนจอกลางก็มีขนาด 12.3 นิ้วเท่ากัน ใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ล่าสุด BMW OS 7.0 ที่สามารถปรับแต่งข้อมูลบนหน้าจอได้ละเอียดขึ้น ควบคุมได้ทั้งการสัมผัส (Touchscreen) การใช้ท่าทางมือ (Gesture control) ปุ่มโรตารี่ iDrive แบบสัมผัส และการสั่งงานด้วยเสียง ส่วนผู้โดยสารแถวสองจะได้จอเพื่อความบันเทิงส่วนตัวขนาด 10.2 นิ้ว ที่ติดอยู่ด้านหลังของพนักพิงเบาะตอนหน้าและควบคุมด้วยการสัมผัสหน้าจอ ระบบปรับอากาศสามารถแยกควบคุมอุณหภูมิอิสระได้ 4 โซน ส่วนต่ำสุดของคอนโซลกลางเป็นฝาปิดลายเดียวกับวัสดุตกแต่งภายใน สิ่งที่อยู่ใต้นั้นคือที่วางแก้วซึ่งสามารถแช่เย็นและอุ่นร้อนได้ตามประเภทเครื่องดื่ม และช่องชาร์จไร้สายสำหรับโทรศัพท์กับอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์อื่นๆ ที่รองรับ (รวมถึง BMW Display Key ด้วย)
BMW X7 M50d ใช้เครื่องยนต์ดีเซลหกสูบเรียงความจุ 3.0 ลิตร เทอร์โบสี่ลูก ให้แรงม้าสูงสุด 294 กิโลวัตต์ หรือ 400 แรงม้า ที่ 4,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 760 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 3,000 รอบ/นาที ซึ่งผ่านมาตรฐานไอเสียระดับเข้มงวดที่สุดของยุโรปหรือ Euro-6d-TEMP ทำให้ปล่อยอนุภาคขนาดเล็กระดับ PM2.5 ต่ำมาก ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ สามารถเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 5.4 วินาที และความเร็วสูงสุดล็อกไว้ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง พร้อมเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ BMW xDrive และ BMW M Sport Differential
เรือธงแห่งอนุกรม X รุ่นล่าสุดพร้อมจะมาทวงคืนบัลลังก์ในศึกรถยนต์อเนกประสงค์ให้กลับมาอยู่ในมือผู้สร้างอย่าง BMW อีกครั้งแล้ว และถ้าหากคุณผู้อ่านท่านไหนกำลังมองหารถครอบครัวระดับหรูอยู่ ก็รอพบกับ BMX X7 M50d ได้ที่งานบางกอกมอเตอร์โชว์และโชว์รูม BMW ใกล้บ้านท่าน
ขอให้มีความสุขกับ BMW ของคุณทุกวันครับ