
NO COMPROMISES. EVERYTHING FOR DRIVING PLEASURE WITH ZERO EMISSIONS.

BMW i3 และ BMW i3s ยนตรกรรมแห่งความยั่งยืนที่แท้จริง
SUSTAINABILITY, COMPLETELY THOUGHT THROUGH.

คุณค่าที่ไม่มีที่สิ้นสุด
การพัฒนาอย่างยั่งยืนไม่ได้เป็นคำที่ใช้เฉพาะกับ BMW i แต่ถือเป็นหลักการชี้นำแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน ดังนั้นวงจรการพัฒนารถของ BMW i3 จึงยึดโครงสร้างการทำงานตามหลักการนี้ โดยเราจะอนุรักษ์ทรัพยากรให้ได้สูงสุดและสร้างความยั่งยืนควบคู่กันไป

การพัฒนา
การออกแบบรถทั้งคันได้รับการพัฒนาเพื่อให้เหมาะสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ขั้นตอนแรกเริ่ม ในขณะที่นวัตกรรม Aerodynamic ช่วยลดแรงเสียดทานของอากาศและช่วยประหยัดพลังงาน การนำวัสดุแบบยั่งยืนและแบบรีไซเคิลมาใช้ก็สามารถช่วยรักษาสภาพแวดล้อมและเข้ามาทดแทนวัสดุแบบดั้งเดิม อย่างเช่น พลาสติก ได้เป็นอย่างดี

การผลิต
ที่สุดแห่งการพัฒนาอย่างยั่งยืนไม่ว่าจะเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ที่ใช้สำหรับ BMW i3 ที่ได้รับการผลิตจากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ การผลิตที่โรงงานผลิตของ BMW ใน Leipzig ประเทศเยอรมนีที่ใช้กำลังไฟฟ้าจากพลังงานลม และเมื่อเปรียบเทียบกับ BMW รุ่นอื่นๆ รถรุ่นนี้ใช้พลังงานเพียงแค่ครึ่งเดียวของพลังงานไฟฟ้าที่ต้องใช้ในการผลิตรถรุ่นอื่นๆ

การใช้งาน
เมื่อคุณเลือก BMW i3 เท่ากับคุณได้ขับขี่รถที่ไม่ปล่อยไอเสีย เสียง หรือกลิ่นสู่สิ่งแวดล้อม นับเป็นการช่วยลดมลพิษทางอากาศในเมืองต่างๆ ได้อย่างเป็นอย่างดี และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น คุณยังสามารถชาร์จพลังงานไฟฟ้าในแบบ "Green Energy" หรือสร้างพลังงานด้วยแผงโซลาร์ด้วยตัวคุณเองได้ไม่ยาก ส่วนโหมด ECO PRO จะช่วยเพิ่มช่วงระยะการขับขี่ให้ยาวขึ้นและลดอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานให้ลดน้อยลง

การรีไซเคิล
BMW i3 เป็นยานยนต์ที่สามารถรีไซเคิลได้ถึง 95% โมดูล แบตเตอรี่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้เป็น Storage Receptacle สำหรับพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Energy) และไฟเบอร์คาร์บอนที่เป็นส่วนเกินยังสามารถนำกลับไปสู่กระบวนการผลิตใหม่อีกครั้งได้
MATERIALS WITH A FUTURE.

ส่วนประกอบที่ทำมาจากไฟเบอร์ธรรมชาติ
การพัฒนาอย่างยั่งยืนที่โดดเด่นคือ มีการใช้เส้นใยปอแก้ว (Kenaf) แทนที่พลาสติกที่ผลิตจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น ซึ่งการทำเช่นนี้ช่วยทำให้ BMW i3 มีน้ำหนักเบาขึ้น เนื่องจากไฟเบอร์เส้นใยปอแก้วมีน้ำหนักเบากว่าวัสดุแบบเดิมที่ใช้อยู่มากถึง 30% เส้นใยปอแก้วนี้เป็นผลิตผลที่ได้มาจากต้น Malva ซึ่งจะแปร CO2 ให้เป็นออกซิเจนได้ในอัตราที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป

เบาะนั่งทำมาจาก VIRGIN WOOL 40%
Virgin Wool ที่ได้รับการรับรองคือทรัพยากรที่มีการทดแทนใหม่ได้ในระดับสูงซึ่งได้ถูกนำมาเป็นส่วนประกอบอยู่ในวัสดุหุ้มเบาะภายในห้องโดยสารสูงถึง 40% เส้นใยวูลผสมนี้มีคุณสมบัติที่สามารถระบายอากาศได้ดีทำให้ช่วยควบคุมอุณหภูมิระหว่างร่างกายกับพื้นผิวของเบาะได้เป็นอย่างดี โดยทำให้เบาะยังคงความเย็นสบายไว้ได้แม้ในขณะที่มีอุณหภูมิสูงก็ตาม

วัสดุตกแต่งภายในทำมาจากไม้ยูคาลิปตัส
ไม้ยูคาลิปตัสมีความเรียบลื่นและมีโครงสร้างที่เป็นรูพรุนโดยธรรมชาติ ดังนั้นจึงทำให้มีการใช้กระบวนการขัดเคลือบผิวไม้น้อยลงกว่าการขัดเคลือบผิวไม้แบบดั้งเดิมถึงประมาณ 90% ไม้ยูคาลิปตัสที่ใช้ในการตกแต่งภายในห้องโดยสารมาจากสวนป่าที่ได้รับการรับรองโดย Forest Stweardship Council (FSC®) ซึ่งมั่นใจได้ว่าจะเป็นไม้ที่มาจากการจัดการป่าแบบยั่งยืน

หนังฟอกฝาดจากใบโอลีฟ 100%
หนังที่ใช้ใน BMW i3 คือหนังที่มีการฟอกฝาดและปรับสมดุลอุณหภูมิด้วยสารสกัดธรรมชาติจากใบโอลีฟตามกรรมวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การทำเช่นนี้จะช่วยให้หนังยังคงมีความเงางามอย่างเป็นธรรมชาติและมีคุณสมบัติในการรักษาสมดุลของอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้น หลังจากการเก็บเกี่ยวต้นโอลีฟแล้ว ใบของโอลีฟเหล่านี้จะถูกทิ้ง แต่กรรมวิธีนี้สามารถนำใบโอลีฟมาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้อีกครั้ง

GREEN ENERGY.
BMW i3 ทำให้คุณสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่นำเอาการพัฒนาอย่างยั่งยืนเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดาย ทุกครั้งที่คุณขับรถ รถของคุณจะขับเคลื่อนออกไปโดยไม่มีการปล่อยไอเสีย ส่งผลทำให้ช่วยลดการเกิดมลพิษทางอากาศในเมืองลงได้และยังช่วยให้คุณมีอากาศที่สดชื่นไว้สูดหายใจได้อย่างเต็มที่เพิ่มมากขึ้น ถ้าคุณเติมพลังงานด้วย "Green Energy" หรือสร้างพลังงานของคุณเองโดยใช้ Solar Cell นั่นเท่ากับว่าคุณได้ใช้ชีวิตตามปกติในทุกๆ วันโดยที่ไม่สร้างมลพิษทางอากาศให้เพิ่มขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นโหมด ECO PRO ยังสามารถช่วยเพิ่มช่วงระยะการขับขี่ให้ยาวขึ้นและลดอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานลงได้เป็นอย่างดี
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและระดับการปล่อย CO2
อัตราการสิ้นเปลืองกำลังไฟฟ้าและระดับการปล่อย CO2 สำหรับ BMW i3s (2):
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเป็นลิตร/100 กม. (โดยเฉลี่ย): 0
ระดับการปล่อย CO2 เป็นกรัม/กม. (โดยเฉลี่ย): 0
อัตราการสิ้นเปลืองกำลังไฟฟ้าเป็นกิโลวัตต์/100 กม.: 14.6–14.0
ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งเป็นกม. (โดยเฉลี่ย): 330–345
ระยะทางที่วิ่งได้ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามการใช้งานจริงของลูกค้า: สูงถึง 260
*ค่าตัวเลขอ้างอิงตามมาตรฐาน NEDC Test Cycle
ช่วงระยะการวิ่งจะขึ้นอยู่กับหลากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พฤติกรรมในการขับขี่ส่วนบุคคล เส้นทางที่ใช้ สภาพอากาศ การใช้ฮีทเตอร์/เครื่องปรับอากาศ และการเปิดเครื่องปรับอากาศไว้ล่วงหน้า
ค่าตัวเลขของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ระดับการปล่อย CO2 และอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานที่แสดงอยู่นี้จะระบุตามมาตรฐานของ European Regulation (EC) 715/2007 ในเวอร์ชันที่ใช้งานขณะที่ได้รับอนุมัติ ตัวเลขที่แสดงจะอ้างอิงตามรถที่มีการกำหนดค่าพื้นฐานจากประเทศเยอรมนีและช่วงค่าที่แสดงจะพิจารณาตามอุปกรณ์เสริม และความแตกต่างของขนาดล้อและยางของรุ่นที่เลือกมา
ค่าตัวเลขของรถที่กำกับด้วย (2) คือค่าเบื้องต้น
ค่าตัวเลขที่แสดงนี้จะเป็นไปตามกฎข้อบังคับใหม่ของ WLTP และจะถูกแปลงค่ากลับมาเทียบเท่ากับค่าของ NEDC เพื่อให้มั่นใจได้ในความถูกต้องเมื่อนำมาเปรียบเทียบค่าระหว่างรถแต่ละคัน สำหรับรถที่อยู่ในเกณฑ์การลดภาษีหรือภาษีสรรพสามิตอื่นๆ (อย่างน้อยอยู่ในหนึ่งในกลุ่มภาษีนี้) ที่ขึ้นอยู่กับระดับการปล่อย CO2 ค่าของ CO2 อาจแตกต่างกันไปจากค่าที่ระบุไว้ที่นี่
ข้อกำหนดประสิทธิภาพ CO2 ได้รับการกำหนดตาม Directive 1999/94/EC และมาตรฐานของ European Regulation ในเวอร์ชันที่ใช้งานอยู่ปัจจุบัน ค่าที่แสดงจะเป็นไปตามอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ค่า CO2 และอัตราสิ้นเปลืองพลังงานตามมาตรฐาน NEDC ในการจำแนกประเภท
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและระดับการปล่อย CO2 เฉพาะของรถโดยสารใหม่อย่างเป็นทางการ สามารถดูได้ที่ คู่มือแสดงอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ระดับการปล่อย CO2 และอัตราการสิ้นเปลืองกำลังไฟฟ้าสำหรับรถโดยสารใหม่ ซึ่งมีวางอยู่ที่จุดขายและดูได้ที่ https://www.dat.de/angebote/verlagsprodukte/leitfaden-kraftstoffverbrauch.html.