Our tool for managing your permission to our use of cookies is temporarily offline. Therefore some functionality is missing.
The BMW X7 xDrive40d M Sport
เมื่อราวสามปีก่อน บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) ได้นำรถยนต์ BMW X7 M50d เรือธง SAV สเปกท้อปสุดของค่ายให้แฟนบีเอ็มดับเบิลยูในประเทศไทยได้สัมผัสกัน ด้วยขุมพลังดีเซล 3.0 ลิตร หกสูบเรียง พ่วงเทอร์โบ BMW TwinPower Turbo ถึง 4 ตัว (Quad Turbos) พละกำลัง 400 แรงม้า และแรงบิด 760 นิวตันเมตร ที่เกือบจะทำให้โลกหมุนกลับด้านได้ถ้าใช้ Launch control ออกตัวบ่อยๆ จนเป็นที่ถูกอกถูกใจของแฟนๆ BMW ในประเทศไทยซึ่งเป็นการพลิกแนวทางการทำตลาดในประเทศไทยจากในอดีตที่จะเน้นทำตลาดในรุ่นเริ่มต้นด้วยรหัสที่ลงท้ายด้วย 20 หรือ 30 เท่านั้น
ทว่าในปี 2021 เราก็ต้องโบกมือลา BMW X7 M50d เนื่องจากบีเอ็มดับเบิลยูสำนักงานใหญ่ได้ปรับเปลี่ยนนโยบายเพื่อรองรับกับกฎระเบียบด้านมลพิษที่มีความเข้มข้นมากขึ้นในหลายประเทศ และตัดสินใจยกเลิกการผลิตเครื่องยนต์ที่ใช้ใน BMW X7 รุ่นนี้ไปพร้อมกับเครื่องยนต์ V12 และ V8 ของค่ายด้วย ในประเทศไทยจึงมีการตั้งสายการผลิต BMW X7 ขึ้น และปรับเปลี่ยนรุ่นย่อยมาเป็น BMW X7 xDrive30d M Sport ขุมพลังดีเซล 3.0 ลิตร หกสูบเรียง เทอร์โบ BMW TwinPower Turbo พละกำลัง 265 แรงม้า แรงบิด 620 นิวตันเมตร บล็อคเดียวกับที่อยู่ใน BMW 630d GT M Sport แทน พร้อมกับค่าตัวที่ลดลงจากรุ่น BMW X7 xDriveM50d M Sport ถึง 3 ล้านบาท
แม้ว่าพละกำลังนั่นจะแรงพอตัวและยังทำให้ประเทศไทยมี SAV เรือธงทำตลาดมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ขาดสีสันและอรรถรสแบบที่ BMW X7 xDriveM50d M Sport เคยมอบให้ ในปี 2022 นี้ บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จึงจะเพิ่มรุ่นย่อย BMW X7 xDrive40d M Sport เข้ามา เพื่อเพิ่มทางเลือกให้พ่อบ้านครอบครัวใหญ่ที่ยังไม่อยากละทิ้งความแรงไป โดยมันใช้เครื่องยนต์บล็อคเดียวกับ BMW X7 xDrive30d M Sport แต่เปลี่ยนมาใช้เทอร์โบแปรผันแรงดันสูงและต่ำอย่างละหนึ่งตัว หัวฉีดแรงดันสูงขึ้นเป็น 2,700 บาร์ จนได้พละกำลังเพิ่มมาเป็น 340 แรงม้า กับแรงบิด 700 นิวตันเมตร ใกล้เคียงกับพละกำลังที่เคยได้จาก BMW X7 xDriveM50d M Sport นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่มีการนำระบบ Mild-hybrid system 48 โวลท์ และสาร AdBlue เข้ามาใช้กับรถที่ทำตลาดในประเทศไทยอีกด้วย
รูปลักษณ์ภายนอกของ BMW X7 ที่โดดเด่นและหรูหรายังถูกสืบต่อมาถึง BMW X7 xDrive40d M Sport กันแบบครบทุกจุด ภาษาการออกแบบที่ใช้เส้นสายบางและเฉียบคม กับพื้นผิวขนาดใหญ่ที่ราบเรียบและลื่นไหล ยังทำให้ตัวรถดูน่าเกรงขามและแสดงออกถึงความเป็นคนสำคัญได้อย่างเหมือนเดิม ในขณะที่เทคโนโลยีและอุปกรณ์ทันสมัยก็ที่มีมาให้อย่างเต็มที่ ทั้งไฟหน้า LED ที่ไฟสูงสามารถส่องได้ระยะไกลถึง 600 เมตร กระจังขนาดมหึมาที่ดูลงตัวกับขนาดของตัวรถยิ่งกว่าตอนที่มันเปิดตัวครั้งแรกเมื่อสามปีก่อน มาพร้อมกับ Active air flaps ที่ควบคุมการไหลผ่านของลมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ครีบระบายอากาศ Air Breather ชิ้นใหญ่ที่บังโคลนหน้าที่เชื่อมต่อไปกับคิ้วโครเมียมบริเวณชายประตูที่ยาวต่อเนื่องไปจนถึงท้ายรถ ล้ออัลลอยขนาด 22 นิ้ว และไฟท้าย LED ทรงบางเรียวบนฝาท้ายแบบ Split Tailgate
ส่วนห้องโดยสารก็เป็นไปตามแบบฉบับ BMW รุ่นใหม่ โดยหลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่า BMW X7 คือรถคันแรกที่นำเอาภาษาการออกแบบมาใช้ ก่อนที่มันจะถูกนำไปใช้กับ BMW รุ่นอื่นๆ จนกลายเป็นความคุ้นเคยอย่างในปัจจุบัน มาตรวัดและจอควบคุมกลางแบบ BMW Live Cockpit Professional เต็มรูปแบบ คอนโซลประดับด้วยไม้และผลึกแก้ว CraftedClarity ระบบปรับอากาศอัตโนมัติที่สามารถแบ่งการทำงานออกมาได้ถึง 5 โซนด้วยกัน ระบบเครื่องเสียง Bower & Wilkins ที่มีให้มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เบาะปรับไฟฟ้าทั้งสามแถวหุ้มด้วยหนัง Merino หรือหลังคาแก้ว Panorama Sky Lounge สำหรับที่นั่งในทุกตอน ซึ่งจะมาหลอดไฟ LED เรืองแสงที่ฝังอยู่ในกระจกซึ่งสร้างกราฟฟิคแสงได้แตกต่างกันถึง 15,000 แบบ
คุณผู้อ่านที่สนใจรถครอบครัวสมรรถนะสูงตามแบบฉบับบีเอ็มดับเบิลยูที่นั่งได้สะดวกสบายถึงสามแถว สามารถติดต่อโชว์รูมผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ https://www.bmw.co.th ได้แล้ววันนี้
ขอให้มีความสุขกับ BMW ของคุณทุกวันครับ