Highlight | 2020.05.01

BMW 630i GRAN TURISMO M SPORT.

มีคนเคยพูดเอาไว้ว่า “กว่าที่จะรู้ว่ามีคุณค่าแค่ไหน ก็ได้สูญเสียสิ่งนั้นไปแล้ว” แต่ผมจะแถมตอนที่กำลังจะเสียสิ่งนั้นแต่แก้ไขหรือทำอะไรไม่ทันแล้วเพิ่มไปให้อีกอย่างด้วย เพียงแต่ว่า..ในครั้งนี้มันยังทัน ถ้าคุณเป็นคนนึงที่พอเห็น BMW Gran Turismo แล้วหัวใจเต้นผิดจังหวะมาหลายปีดีดัก ความรู้สึกคล้ายตอนเจอเนื้อคู่ตรงสเปค แต่ยังต้องปากแข็งบอกออกไปว่าไม่ใช่เพื่อรักษาฟอร์มเอากลางกลุ่มเพื่อน ตอนนี้เวลาของคุณมาถึงแล้ว ก่อนที่เพลงสุดท้ายจะจบลง เพราะนี่อาจเป็นรถยนต์ Gran Turismo รุ่นสุดท้ายของ BMW (อย่างน้อยก็ในตอนนี้)

 

รถยนต์คันที่ผมกำลังพูดถึงก็คือ BMW 6 Series Gran Turismo หรือ BMW 6GT รุ่นแรกของ BMW ซึ่งเป็นการสืบทายาทต่อจากผู้บุกเบิกรถยนต์ประเภทนี้อย่าง BMW 5 Series Gran Turismo ที่เริ่มจำหน่ายในต่างประเทศเมื่อปี 2009 ในส่วนของประเทศไทยนั้น ได้มีการวางจำหน่ายรุ่น BMW 630d GT M Sport ตั้งแต่ปี 2017 และล่าสุด บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ได้นำ BMW 630i GT M Sport เข้ามาทำตลาดแทนในเดือนมีนาคม 2020 พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง สิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คือเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนมาเป็นเบนซิน BMW TwinPower Turbo ขนาด 2.0 ลิตร 258 แรงม้า แต่เรื่องที่สำคัญกว่านั้น คือการที่ BMW 630i GT M Sport มาพร้อมกับออพชันเต็มคัน และสามารถเรียกได้ว่าเป็น BMW ที่วางจำหน่ายในประเทศไทย ที่มีออพชันครบมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาคันนึง แต่ก่อนอื่น...ผมขอมาเริ่มกันที่ดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ BMW 6 GT กันก่อน

Read more

“รถยนต์ขนาดใหญ่ ภายในใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น ภายนอกสวยสะดุดตา โดยสารได้สะดวกสบายขั้นสุด และให้ความรู้สึกหรูหราจากขนาดพื้นที่ใช้สอย” คือนิยามที่ BMW ใช้ในการออกแบบ BMW 5 Series GT และคำนิยามพวกนี้ก็ถูกยกระดับให้เหนือขึ้นไปอีกขั้น เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาต้องลงมือเขียนแบบ BMW 6 Series GT รถยนต์รุ่นใหม่ยังได้รับการส่งเสริมจากสัดส่วนตัวรถที่ดูเหยียดยาว กับเส้นสายบนตัวถังที่ดูพลิ้วไหวแต่ทรงพลัง เริ่มจากโคมไฟหน้ามาตรฐานแบบ LED จำนวน 4 ดวง พร้อมไฟ DRL ที่ยื่นมาจรดกับขอบของกระจังหน้าไตคู่ เพื่อช่วยทำให้รถรู้สึกกว้างใหญ่มากขึ้น ส่วนด้านข้างมีการใช้เส้นสายบนตัวถังมากถึง 3 เส้น เพื่อสร้างพื้นผิวที่แสงกระทบและเงา ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกหรูหราและลดความรู้สึกหนาและหนักลงไป โดยหนึ่งในเส้นที่ว่าจะต่อเนื่องเป็นส่วนเดียวกันกับครีบระบายอากาศ Air Breather ได้อย่างกลมกลืน

 

เรื่องที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือแนวหลังคาที่มีจุดสูงสุดอยู่ตรงรอยต่อระหว่างประตูทั้งสองบาน ก่อนจะลาดลงไปที่ท้ายรถอย่างพลิ้วไหวในสไตล์รถยนต์คูเป้ จึงทำให้ได้สัดส่วนฉบับคลาสสิคแบบฝากระโปรงหน้ายาว และห้องโดยสาร “ทิ้งตัว” ไปทางด้านหลัง บานกระจกแบบไร้กรอบทำให้เงาสะท้อนบนกระจกทุกแผ่นต่อเนื่องแบบไม่มีเส้นแบ่งมาให้สะดุดตา และกระจกบานหลังสุดยังออกแบบเป็น Holfmeister Kink ที่เป็นเอกลักษณ์อยู่คู่ BMW มายาวนานหลายทศวรรษ ในขณะที่ด้านท้ายใช้ฝากระโปรงแบบบานเดียวที่เปิดขึ้นพร้อมกระจก และไฟท้าย LED แบบสามมิติ เพื่อเพิ่มรายละเอียดให้กับตัวรถได้อย่างลงตัว การออกแบบทั้งหมดนี้ เมื่อทำงานร่วมกับระบบแอโรไดนามิกส์ต่างๆ ของตัวรถ เช่น Air Curtains, Air Breathers และสปอยเลอร์บนฝากระโปรงท้ายที่ยกตัวและพับเก็บอัตโนมัติ ทำให้ BMW 6 Series GT มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานลดลงจาก 0.29 เหลือ 0.25 ซึ่งช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น

เปิดประตูก้าวเข้ามาภายในจะพบกับแผงคอนโซลดีไซน์เดียวกับ BMW 5 Series และพื้นที่ Legroom ด้านหลังที่กว้างใกล้เคียงกับ BMW 7 Series พร้อมหลังคาพาโนรามิคซันรูฟที่ช่วยทำให้บรรยากาศในห้องโดยสารดูโปร่งและโล่งยิ่งขึ้นไปอีก จากนั้นคุณจะถูกต้อนรับด้วยเทคโนโลยีที่อัดแน่นมาจนเต็มคันสำหรับ BMW 630i GT M Sport ตั้งแต่ชุดมาตรวัดและจอควบคุมกลางแบบ BMW Live Cockpit Professional โดยจอควบคุมกลางสามารถควบคุมผ่านการใช้ปุ่มโรตารี่ iDrive การเคลื่อนไหวมือ (Gesture control) และการสัมผัสหน้าจอ

 

ถัดลงมาที่ระหว่างช่องแอร์จะพบกับสวิทช์ไฟฉุกเฉินวางอยู่คู่กับสวิทช์ระบบช่วยเหลือการขับขี่ BMW Driving Assistant Plus รุ่นท้อปสุดของ BMW ซึ่งรวมฟีเจอร์การเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร, ไฟเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา, ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร, การเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง, ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติเมื่อตรวจพบรถและคนเดินถนนที่ความเร็วต่ำ, ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติขณะถอยจอดเพื่อป้องกันการชน, ระบบปรับองศาการเลี้ยวอัตโนมัติเมื่อจะเกิดการชน, และระบบเตือนป้ายจราจรและทางแยกเอาไว้ ในขณะที่ด้านล่างสุดจะเป็นที่อยู่ของแท่นชาร์จไร้สายสำหรับสมาร์ทโฟนและกุญแจ BMW Display Key ซึ่งคราวนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์การบังคับรถเคลื่อนที่เข้าหรือออกจากช่องจอดโดยที่คนขับไม่ต้องอยู่ในรถ นอกจากนี้ BMW 630i GT M Sport ยังมาพร้อมกับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแปรผัน และระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติแบบ BMW Parking Assistant Plus อีกด้วย ซึ่งเป็นออพชันที่ครบที่สุดเท่าที่เคยมีจำหน่ายในประเทศไทย

อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้น BMW 630i GT M Sport ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร พร้อมเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ให้พละกำลังสูงสุด 258 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ Sport Steptronic 8 จังหวะ ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ใน 6.3 วินาที และความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง (ล็อค) การควบคุมพละกำลังทั้งหมดจึงต้องอาศัยเบรกคาลิปเปอร์ดีไซน์ M Sport และช่วงล่างถุงลมทั้งด้านหน้าและหลัง ซึ่งสามารถปรับความแข็งและระดับความสูงของตัวรถอัตโนมัติเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยตัวรถจะถูกปรับให้เตี้ยลงอีก 10 มิลลิเมตร เมื่อเข้าโหมด Sport และคนขับสามารถใช้ปุ่มควบคุมบริเวณคอนโซลเกียร์เพื่อปรับความสูงตัวรถขึ้นหรือลงได้ในระยะ +20 ถึง -10 มิลลิเมตร ได้ด้วยตัวเอง

 

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้ารู้สึกว่าไม่อยากให้เพลงสุดท้ายจบ สิ่งที่คุณผู้อ่านควรทำก็คือออกไปโชว์รูมตัวแทนจำหน่าย BMW ใกล้บ้าน เพื่อทดลองขับ BMW 630i GT M Sport แล้วจัดหามาจอดไว้ในโรงรถที่บ้านสักหนึ่งคัน

 

...หรือไม่ก็แค่ปุ่ม Repeat บนเครื่องเสียง ขอให้มีความสุขกับ BMW ของคุณทุกวันครับ