Our tool for managing your permission to our use of cookies is temporarily offline. Therefore some functionality is missing.
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เสริมผู้นำเทคโนโลยียานยนต์ปลั๊กอิน ไฮบริด จัดเวิร์กช้อปพร้อมขับทดสอบใน “BMW Driving Experience 2017”
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย จัดกิจกรรม BMW Driving Experience 2017 นำสื่อมวลชนมุ่งหน้าสู่สนามทดสอบไทยบริดจสโตน จ.สระบุรี เพื่อร่วมสัมผัสสมรรถนะการขับขี่แห่งอนาคต ที่ได้รับการออกแบบเพื่อสุนทรียะในการเดินทางและการใช้งานที่สะดวกสบาย ที่สำคัญ ลดการปล่อยมลภาวะกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริด
มร. สเตฟาน ทอยเชอร์ต ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “การขับขี่รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูนับเป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดในผลิตภัณฑ์และแบรนด์ของเรา การได้ขับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในสนามทดสอบชั้นเลิศจึงสามารถมอบประสบการณ์การขับขี่ในสถานการณ์เฉพาะหน้าต่างๆ ซึ่งทำให้ลูกค้าสามารถสัมผัสและเข้าใจในสมรรถนะและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ที่พร้อมช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างดีที่สุดในทุกสถานการณ์ ยิ่งไปกว่านั้น กิจกรรมในครั้งนี้ยังช่วยยกระดับทักษะการขับขี่ของลูกค้าของเราอีกด้วย
โดยกิจกรรม BMW Driving Experience 2017 เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรม The Ultimate JOY Experience ที่นำเสนอที่สุดของประสบการณ์การใช้ชีวิต ทั้งกิจกรรมไลฟ์สไตล์ในประเทศ และทริปสู่จุดหมายอันสุดตระการตาทั่วโลกที่เลือกสรรมาเพื่อลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูโดยเฉพาะ”
กิจกรรม BMW Driving Experience 2017 ซึ่งจัดขึ้นที่สนามทดสอบไทยบริดจสโตน จังหวัดสระบุรี มุ่งยกระดับประสบการณ์สุดท้าทายและศักยภาพในการขับขี่ ด้วยการให้ความรู้และเทคนิคต่างๆ อย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นการดริฟท์เข้าโค้งอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ การขับขี่บนสภาพพื้นผิวที่ท้าทายอย่างปลอดภัย รวมไปถึงการตอบสนองต่อการขับขี่ซึ่งไม่สามารถจำลองสถานการณ์บนถนนทั่วไปได้ โดยมีผู้ฝึกสอนที่เชี่ยวชาญของบีเอ็มดับเบิลยู พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการขับขี่และตอบสนองต่อสถานการณ์เฉพาะหน้าอย่างฉับไวและปลอดภัย
มร.ยาสุฮิโระ โมริตะ กรรมการผู้จัดการบริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด และบริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สนามทดสอบไทยบริดจสโตน จังหวัดสระบุรี นับเป็นสนามทดสอบที่ทันสมัย ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สามารถรองรับการทดสอบยางรถยนต์ ในการขับขี่ด้วยความเร็วสูง จำลองการขับขี่ได้หลากหลายรูปแบบ จึงให้ประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นเร้าใจ บนถนน พร้อมความมั่นใจในการขับขี่อย่างปลอดภัยสำหรับลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยูได้เป็นอย่างดี”
โปรแกรม The Ultimate JOY Experience ยังนำเสนอกิจกรรมและสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับ เจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม BMW Alpine xDrive ซึ่งจะพาลูกค้าบีเอ็มดับเบิลยู บินลัดฟ้าไปสัมผัสกับประสบการณ์การขับรถบนพื้นผิวหิมะและน้ำแข็งในประเทศนิวซีแลนด์ กิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกอล์ฟรอบพิเศษที่จัดขึ้นเพื่อตามรอยเส้นทางการแข่งขัน BMW Golf Cup International รอบชิงชนะเลิศระดับโลก ณ Emirates Golf Club นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และประสบการณ์ระดับโลกกับการวิ่งแข่งใน BMW Berlin Marathon รวมไปถึงการฝึกทักษะการขับขี่ในกิจกรรม BMW Driving Experience 2017 กับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport ในครั้งนี้ด้วย
เจ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและรับสิทธิพิเศษจาก “The Ultimate JOY Experience” ด้วยการสมัครเข้าร่วม The Ultimate JOY Lounge คลับของคนรักบีเอ็มดับเบิลยูได้ที่ www.BMWultimateJOY.com
บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport พร้อมเทคโนโลยีปลั๊กอิน ไฮบริด รุ่นประกอบในประเทศไทย ราคาจำหน่าย 2,799,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport เป็นนวัตกรรมที่ครบเครื่องด้วยประโยชน์ใช้สอยและความหรูหรา ได้รับ การออกแบบเพื่อสุนทรียะในการขับขี่ของผู้โดยสาร ประหยัดน้ำมันอย่างเหนือชั้นด้วยเทคโนโลยี iPerformance ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ขุมพลังเบนซิน 4 สูบ บีเอ็มดับเบิลยู TwinPower Turbo ที่ทรงพลังเจ้าของรางวัล International Engine of the Year สามารถส่งกำลังสูงสุดที่ 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า พร้อมแรงบิด 290 นิวตันเมตร สู่ล้อรถได้อย่างราบรื่นในทุกรอบเครื่อง ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้ามอบกำลังเพิ่มเติมสูงสุดอีก 65 กิโลวัตต์ / 89 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ให้สมรรถนะที่พร้อมตอบสนองในเสี้ยววินาทีตามสไตล์ระบบส่งกำลังไฟฟ้า ทำงานประสานกันกับระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 8 จังหวะเพื่อให้ขับขี่ ได้สนุก ทันใจ โดยสามารถเลือกขับขี่โดยใช้พลังไฟฟ้า เพียงอย่างเดียวได้ที่ความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนในโหมดไฮบริด บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.1 วินาที และมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เมื่อใช้งานร่วมกัน เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าชุดนี้จะมอบกำลังสูงถึง 185 กิโลวัตต์ / 252 แรงม้า ให้เร่งความเร็วได้อย่างใจนึก ทั้งยังประหยัดน้ำมันด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 55.6 กิโลเมตรต่อลิตรและ ลดระดับมลภาวะในการขับขี่กับอัตราการปล่อย CO2 ที่ 42 กรัมต่อกิโลเมตรเท่านั้น
เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดในบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport สามารถนำสมรรถนะของมอเตอร์ไฟฟ้ามาใช้งาน ได้อย่างคุ้มค่า ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และยังสามารถขับขี่ในตัวเมืองได้โดยไม่ปล่อยมลภาวะออกจากท่อไอเสียเลยในระยะสูงสุด 37-40 กิโลเมตร (EU test cycle) แบตเตอรี่ของรถมีความจุ 7.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งประกอบไปด้วยโมดูลแบตเตอรี่ 5 ตัว โดยแต่ละโมดูลสามารถถอดเปลี่ยนได้ตามความจำเป็น จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและสามารถชาร์จได้กับปลั๊กไฟบ้านทั่วไป โดยมีช่องเก็บสายชาร์จอยู่ใต้พื้นที่เก็บสัมภาระตอนท้าย เมื่อแบตเตอรี่หมด สามารถชาร์จด้วยไฟบ้านให้เต็มได้โดยใช้เวลาราว 3 ชั่วโมง หรือเลือกเสริมประสิทธิภาพการชาร์จด้วยอุปกรณ์ บีเอ็มดับเบิลยู ไอ วอลล์บ็อกซ์ เพียว (BMW i Wallbox Pure) ที่ทั้งปลอดภัย ใช้งานง่าย และรวดเร็วด้วยกำลังไฟถึง 3.7 กิโลวัตต์ (16 แอมป์ / 230 โวลท์) จึงสามารถ ชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มได้ในเวลาที่น้อยกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง ทั้งนี้ แบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูงของบีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport มีระยะเวลารับประกัน 6 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport มาพร้อมความโฉบเฉี่ยวด้วยชุดแต่ง M Aerodynamic ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลาย Double-Spoke และช่วงล่าง M Sport สำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งถูกปรับให้ต่ำกว่าเดิม 10 มิลลิเมตร พร้อมสปริงของช่วงล่าง M Sport และท่อนกันโคลงของช่วงล่างด้านหน้าและด้านหลังที่ช่วยลดอาการโยนในโค้ง เพิ่มความแม่นยำของการบังคับเลี้ยวโดยยังไม่ทิ้งความนุ่มนวลในการขับขี่ นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู 330e M Sport มาพร้อมกับกระจกซันรูฟ สั่งงานเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมแผ่นเบนทางลมที่ติดตั้งมากับกระจกซันรูฟ ช่วยลดลมหมุนเวียนเข้ามาภายในและลดเสียงรบกวนที่เกิดจากลมภายนอก ขณะที่ภายในห้องโดยสาร เติมเต็มความสปอร์ตกับพวงมาลัยหนัง บีเอ็มดับเบิลยู M พร้อมก้านเปลี่ยนเกียร์ ที่พวงมาลัย เบาะนั่งแบบสปอร์ตพร้อมที่หนุนหลังปรับไฟฟ้า (Lumbar support) สำหรับเบาะนั่งตอนหน้า ระบบนำทาง เครื่องเสียงระบบ Hi-Fi แผงคอนโซลลาย Aluminium Hexagon และพนักพิงเบาะหลังสามารถปรับแบ่งพับได้แบบ 40:20:40 เพื่อความคล่องตัวในการบรรทุกสัมภาระได้สูงสุด